x close

12 ทริคสุขภาพสุดแปลกที่รับรองว่าทำแล้วเริด

ทริคสุขภาพ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          พบกับทริคสุดแปลกเกี่ยวกับสุขภาพ ลองทำดูแล้วจะรู้ว่าได้ผลดีเยี่ยม

          คนเรามักจะสรรหากลเม็ดเคล็ดลับต่าง ๆ มาใช้ดูแลสุขภาพของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ดูปกติ หรือเป็นวิธีที่แปลกประหลาดจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะสามารถช่วยทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงได้ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำเคล็ดลับสุขภาพดีที่แปลก แต่ช่วยทำให้สุขภาพของคุณแข็งแรงได้ จากเว็บไซต์ health.com มาบอกกัน หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่รักสุขภาพต้องรีบอ่านด่วนเลยค่ะ

 1. ดื่มกาแฟทำให้งีบหลับได้ดีขึ้น

          การศึกษาในญี่ปุ่นได้ทำการวิจัยถึงวิธีการนอนหลับว่าวิธีใดจะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งพบว่าผู้ที่บริโภคคาเฟอีน 200 มิลลิกรัมก่อนนอนและงีบหลับทันที 20 นาที จะมีการตื่นตัว และสามารถทำบททดสอบในคอมพิวเตอร์ได้ดีกว่าผู้ที่งีบหลับโดยไม่ดื่มกาแฟ นั่นก็เป็นเพราะว่าคาเฟอีนจะยังไม่ออกฤทธิ์ตอนที่เรางีบหลับแต่จะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากที่เราตื่น ซึ่งคาเฟอีนจะช่วยขจัดสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่าอะดีโนซีน (adenosine) ซึ่งเป็นสารที่เมื่อมีในสมองมากขึ้นก็จะทำให้เกิดอาการอ่อนล้า และการนอนหลับคือการขจัดสารชนิดนี้ได้ และถ้าหากยิ่งดื่มกาแฟเข้าไปด้วยละก็จะยิ่งทำให้สมองปลอดโปร่งเลยล่ะค่ะ

ทริคสุขภาพ

 2.ไม่ควรแปรงฟันหลังรับประทานอาหาร

          ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า การแปรงฟันจะเป็นตัวเร่งให้กรดที่อยู่ในอาหารทำลายผิวเคลือบฟันและกัดเซาะเข้าไปใต้ผิวฟันได้ ดังนั้นเพื่อให้ฟันของเรายังแข็งแรง หลังจากรับประทานอาหารจึงควรทิ้งระยะเวลา 30 - 60 นาที ก่อนที่จะแปรงฟันนะคะ

 3. กล้ามเนื้อและไขมันที่เท่ากันจะมีปริมาตรที่ต่างกัน

          เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมคนสองคนน้ำหนักเท่ากันแต่ขนาดตัวต่างกัน คนหนึ่งอาจจะดูอ้วน แต่อีกคนอาจจะดูผอม นั่นก็เป็นเพราะว่าในร่างกายของพวกเขาสองคนมีปริมาตรกล้ามเนื้อและไขมันต่างกัน ซึ่งมีการศึกษาพบว่าไขมันและกล้ามเนื้อที่มีน้ำหนักเท่ากันกลับมีปริมาตรที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำถึงแม้จะมีน้ำหนักเยอะแต่ก็จะดูตัวเล็กกว่าคนที่มีน้ำหนักเท่ากันแต่ไม่ค่อยออกกำลังกาย

 4. อยากลดความอ้วน ต้องกินให้เยอะขึ้น

          แม้ว่าอาจจะดูขัดแย้งกับความรู้สึกไปเสียหน่อย แต่ในการลดความอ้วน หากเราลดการรับประทานคาร์โบไฮเดรตแต่ไม่หาอะไรมาเสริมส่วนที่ขาด ก็จะทำให้คุณรู้สึกหิวบ่อยขึ้น ดังนั้นเมื่อเราลดคาร์โบไฮเดรตแล้วก็ควรจะรับประทานโปรตีนและไขมันเพิ่มเติมให้เพียงพอต่อร่างกาย อย่างเช่น แทนที่คุณจะรับประทานขนมกับเนยถั่ว ก็เปลี่ยนมารับประทานเนยถั่วกับแอปเปิลแทน เพราะไขมันที่มีประโยชน์และโปรตีนจะช่วยทำให้คุณอิ่มและอยู่ท้องนานขึ้นค่ะ



 5. อย่าดื่มเครื่องดื่มชูกำลังถ้าคุณรู้สึกเหนื่อย 

          เครื่องดื่มชูกำลังที่จริงแล้วนั้นให้ปริมาณคาเฟอีนมากกว่ากาแฟถึง 5 เท่า ถึงแม้ว่าจะช่วยกระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัวได้ แต่ผลข้างเคียงที่ตามมานั้นดูจะไม่ค่อยน่าภิรมย์เท่าไร เพราะมันจะทำให้รู้สึกหงุดหงิด ฉุนเฉียว และหัวใจเต้นเร็วขึ้น นอกจากนี้ เครื่องดื่มชูกำลังยังมีปริมาณของทอรีน (Taurine) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง และยังมีปริมาณน้ำตาลถึง 50 กรัม หรือเทียบเท่ากับน้ำตาล 13 ช้อนชา ! ความหวานขนาดนี้สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเกิดการแปรปรวนได้ ถึงแม้ว่าจะทำให้คุณสดชื่นได้ แต่ก็แค่เพียงชั่วคราวและหลังจากนั้นมันจะทำให้คุณซึม และทำให้คุณรู้สึกเบลอ ๆ ฉะนั้นหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลังดีกว่าค่ะ

 6. ดื่มน้ำเยอะ ๆ เวลาท้องอืด

          นอกจากการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงจะช่วยลดอาการท้องอืดได้แล้ว การดื่มน้ำก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณหายรู้สึกอึดอัดในท้องได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อคนเรารับประทานอาหารจำพวกไฟเบอร์เข้าไปแล้ว คนเราจะต้องการน้ำจำนวนมากไปช่วยทำให้ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำกลายเป็นเจลและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเจลเหล่านั้นจะไปช่วยทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดีขึ้น แถมยังช่วยลดอาการท้องอืดจากอาการขาดน้ำได้อีกด้วย

 7. งดน้ำอัดลมไดเอตเวลาลดน้ำหนัก

          ใครที่คิดว่าน้ำอัดลมไดเอตดีสำหรับการลดน้ำหนักละก็ คุณคิดผิดค่ะ เพราะว่าจริง ๆ แล้วในน้ำอัดลมไดเอตนั้นมีปริมาณสารที่ให้ความหวานสูง ซึ่งสารเหล่านี้นี่ล่ะที่จะยิ่งทำให้อ้วน โดยมีการวิจัยพบว่าคนที่ดื่มน้ำอัดลมมีแนวโน้มที่จะมีรอบเอวเพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ดื่มน้ำอัดลมมาตลอด 10 ปี

ทริคสุขภาพ

 8. ดื่มเครื่องดื่มร้อน ๆ เพื่อให้เย็นลง

          เวลาที่เรารู้สึกร้อน ก็มักจะมองหาเครื่องดื่มเย็น ๆ เพื่อคลายร้อนกันใช่ไหมคะ แต่รู้หรือเปล่าการดื่มเครื่องดื่มร้อน ๆ สามารถทำให้เราคลายร้อนได้เหมือนกัน นั่นก็เป็นเพราะว่าเมื่อเรารู้สึกร้อน แล้วเราดื่มเครื่องดื่มร้อนเข้าไป จะทำให้อุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลงและไปกระตุ้นกระบวนการผลิตเหงื่อในร่างกาย และเมื่อเหงื่อไหลออกมาก็จะทำให้ร่างกายของเราเย็นลงโดยธรรมชาติเลยล่ะค่ะ

 9. เมื่อรู้สึกเหนื่อย ออกกำลังกายสิ 

          หลังจากวันแห่งการทำงานที่ยาวนานและเหน็ดเหนื่อย การออกกำลังกายคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทุกคนคงอยากจะทำ แต่รู้หรือไม่ว่าการออกกำลังกายจะช่วยทำให้คุณสดชื่นและหายเหนื่อยได้เป็นปลิดทิ้งเลยล่ะค่ะ เพราะว่าการออกกำลังกายอย่างเข้มข้นเพียง 30 นาที จะช่วยให้คุณเหงื่อออก และยังช่วยทำให้ร่างกายของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เมื่อร่างกายของคุณทำงานได้ดีขึ้นแล้ว บรรดาความเหน็ดเหนื่อยก็จะหายไป นอกจากนี้ยังลดอาการเมื่อยล้าและภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย
 
 10. การเขียนโน้ตด้วยมือช่วยสร้างเสริมพลังสมอง

          แม้ว่าการพิมพ์จะช่วยประหยัดกระดาษ แต่ว่ามันจะทำให้คุณลืมได้ง่ายกว่าการเขียนด้วยมือของคุณเอง นั่นก็เป็นเพราะว่าสมองของคุณไม่ได้ทำการประมวลข้อมูลที่ได้รับเหล่านั้น อย่างที่มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอินเดียน่าเปิดเผยว่า เมื่อคนเราเรียนรู้บางสิ่ง คนเราก็จะจำเป็นที่จะต้องประมวลผลของข้อมูลเหล่านั้นด้วย ซึ่งวิธีหนึ่งที่คนเราใช้ในการประมวลข้อมูลที่ได้รับมาก็คือการเขียน เมื่อเราเขียนก็จะทำให้สมองได้ทบทวนสิ่งที่ได้รับรู้มาด้วย ทำให้เราสามารถจดจำมันได้ง่ายนั่นเอง

 11. อยากให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น ควรใช้เวลาด้วยกันให้น้อยลง

          หลายครั้งสาเหตุของการทะเลาะเบาะแว้งหรือการเลิกราก็เกิดจากการที่ใช้เวลาด้วยกันมากเกินไป เพราะการที่ใช้เวลาด้วยกันมากเกินไปจะทำให้เรามองข้ามบางสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ ทำให้ความสัมพันธ์ถูกบั่นทอนลงถึงแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันก็ตาม ซึ่งมีการศึกษาพบว่า การใช้เวลากับตัวเองให้มากขึ้นจะช่วยทำให้คุณเป็นผู้ให้และผู้รับที่ดีมากขึ้นแถมยังช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้อีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคนใกล้ตัวดีอยู่เสมอละก็ อยู่ห่างกันบ้างก็น่าจะดีนะคะ

ทริคสุขภาพ

 12. เลิกใช้สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย 

          หลายคนอาจจะคิดว่าการใช้สบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียจะช่วยทำให้เราปลอดภัยจากโรคภัยได้ แต่จริง ๆ แล้วเจ้าสบู่ที่ติดฉลากว่าต่อต้านเชื้อแบคทีเรียนี่ล่ะค่ะคือจอมวายร้ายเลย เพราะในสบู่เหล่านี้มีสารไตรโคลซาน (Triclosan) ซื้อเป็นสารต่อต้านเชื้อโรคแทบจะทุกชนิด ซึ่งการใช้สบู่ที่มีสารเหล่านี้บ่อย ๆ จะทำให้เชื้อโรคเกิดอาการดื้อและทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งในปัจจุบัน FDA หรือ องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้สั่งห้ามใช้สานไตรโคลซาน (Triclosan) ซึ่งจะมีเริ่มมีผลอย่างเต็มรูปแบในปี 2560

          สุขภาพเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพอยู่เสมอ และอย่าให้ตนเองเข้าไปอยู่ในความเสี่ยงของโรคภัยต่าง ๆ จะดีที่สุด เพราะไม่อย่างนั้น นอกจากจะเสียเงินเสียทองแล้วยังต้องเสียเวลา เสียสุขภาพอีกด้วยนะคะ





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
12 ทริคสุขภาพสุดแปลกที่รับรองว่าทำแล้วเริด อัปเดตล่าสุด 21 ตุลาคม 2557 เวลา 13:45:44 4,561 อ่าน
TOP