รู้สึกมีอาการแปลก ๆ ทุกทีเวลานั่งเครื่องบิน ความผิดปกติของร่างกายเหล่านี้เกิดจากสาเหตุอะไร คำตอบอยู่ข้างล่างนี้แล้ว
หลายคนอาจมีอาการแปลก ๆ รู้สึกไม่สบายเนื้อ ไม่สบายตัว หรือถึงขั้นต้องกินยากำราบสารพัดอาการที่เกิดขึ้นในเวลาที่นั่งเครื่องบิน ซึ่งอาการเหล่านั้นก็อาจจะไม่ได้เกิดจากความผิดปกติทางร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ส่งผลต่อร่างกายของเรา ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอาการเหล่านี้ที่เว็บไซต์ buzzfeed.com นำมาเล่าสู่กันฟังให้คนที่กำลังจะต้องเดินทางด้วยเครื่องบินได้ทราบกัน จะได้หาทางป้องกันไว้ก่อนได้ทันท่วงที
1. ประสาทรับกลิ่นและประสาทรับรู้รสชาติอ่อนแอลง
สังเกตไหมคะว่าอาหารที่เสิร์ฟให้เราบนเครื่องบินนั้นไม่อร่อยเอาเสียเลย เรื่องนี้จะโทษว่าเป็นความผิดของสายการบินนั้นก็ดูจะไม่เป็นธรรมเท่าไร เพราะสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความดันอากาศที่เปลี่ยนแปลงขณะเครื่องอยู่บนฟ้านั่นเอง ที่ทำให้ต่อมรับรสที่ลิ้นทำงานได้น้อยลง ทำให้รู้สึกว่าอาหารมันช่างจืดชืด ไม่มีรสชาติเอาเสียเลย และไม่ใช่แค่เพียงกับประสาทรับรสเท่านั้น แต่ยังเป็นกับประสาทการรับกลิ่นอีกด้วยค่ะ
2. วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้
เมื่อเครื่องบินไต่ขึ้นในระดับความสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ความหนาแน่นของอากาศจะลดลง ทำให้ร่างกายของเราจะได้รับออกซิเจนลดลง ส่งผลให้ออกซิเจนในเลือดลดลงตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อร่างกายของเราได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ก็จะทำให้เรารู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หน้ามืดตาลาย บางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขนาดหมดสติได้เลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ความดันอากาศที่ลดลงก็ยังทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
3. เส้นเลือดบริเวณขาไหลเวียนไม่สะดวก
สำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นเวลานานมาก ๆ อย่างเช่นการบินข้ามมหาสมุทรนั้น สิ่งที่มักจะพบกันได้บ่อยก็คืออาการขาบวม เท้าบวม ขอบอกเลยว่าอาการนี้ไม่ได้เกิดจากความดันอากาศนะคะ แต่เกิดจากการที่เลือดบริเวณขาไหลเวียนได้ไม่สะดวก เนื่องจากเรานั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ โดยไม่ได้ลุกเดินไปไหนมาไหน ดังนั้นถ้าไม่อยากจะขาบวม เท้าบวมละก็ เวลานั่งเครื่องบินนาน ๆ ก็ลุกขึ้นเดินไปมาบ้างก็ดีนะคะ
4. ปวดตามข้อต่อต่าง ๆ
ต้องบอกก่อนว่าอาการปวดตามข้อต่าง ๆ นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความดันอากาศที่เปลี่ยนแปลงในขณะโดยสารเครื่องบินโดยตรง แต่มักจะเกิดกับผู้ที่ดำน้ำลึกมาก่อนขึ้นเครื่องบิน เพราะในถังออกซิเจนที่คนดำน้ำใช้กันนั้น แก๊สบางส่วนในถังจะถูกผสมกับไนโตรเจน เมื่อเราหายใจเอาไนโตรเจนเข้าไป แก๊สก็จะไปสะสมในร่างกาย ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักกว่าร่างกายจะขับไนโตรเจนออกมาหมด
แต่หากเราดำน้ำเสร็จแล้วไปขึ้นเครื่องบินต่อเลย สภาวะที่ความดันอากาศลดลง จะทำให้ไนโตรเจนที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายกลายสภาพเป็นฟองอากาศ ซึ่งเกิดได้กับทุกส่วนของร่างกาย หากเกิดที่กล้ามเนื้อข้อต่อ ก็จะทำให้เรารู้สึกปวดข้อได้ ฉะนั้นทางทีดี ไม่ควรจะดำน้ำลึกก่อนขึ้นเครื่องนะคะ แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ ควรทิ้งระยะให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างน้อย 2 วันค่ะ
5. อาการเจ็ท แล็ค
เมือคุณต้องเดินทางข้ามโซนเวลา อาการที่มักจะพบได้บ่อยที่สุดก็คืออาการเจ็ท แล็ค นี่แหละ ซึ่งเป็นอาการแปรปรวนของร่างกายที่เกิดจากการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานาน และมักจะเกิดขึ้นเมื่อต้องนั่งเครื่องบินไปทางทิศตะวันออก โดยจะส่งผลกระทบไปยังทุกส่วนของร่างกาย เช่น ทำให้อ่อนเพลีย อารมณ์แปรปรวน เกิดความอยากอาหารผิดเวลา หรือแม้แต่หลง ๆ ลืม ๆ โดยอาจจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าร่างกายจะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่อาการเหล่านี้จะไม่รุนแรงถ้าหากก่อนการเดินทางมีการพักผ่อนที่เพียงพอค่ะ
6. ความเสี่ยงโรคมะเร็งมากขึ้น
มีการศึกษามากมายพบว่า ผู้ที่ต้องใช้เวลาอยู่บนเครื่องบินนาน ๆ เป็นเวลาบ่อยครั้ง อย่างเช่นผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการบิน ไม่ว่าจะเป็นนักบิน หรือแม้แต่ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมีความเสี่ยงโรคมะเร็งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับคนทั่วไป นั่นก็เป็นเพราะว่าในชั้นบรรยากาศนั้นมีรังสีอยู่มากมายแถมยังไม่มีอะไรที่สามารถปกป้องเราจากรังสีเหล่านั้นได้ แม้แต่หน้าต่างบนเครื่องบินก็ไม่ได้เคลือบสารที่ป้องกันรังสียูวีที่เป็นอันตรายไว้ ทำให้คนที่อยู่บนเครื่องจะได้รับรังสีที่เป็นอันตรายมากกว่าคนที่อยู่บนพื้นดิน อย่างไรก็ตาม ฟังแล้วก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะการศึกษายังบอกด้วยว่าผู้ที่ได้รับรังสีบนชั้นบรรยากาศนั้นมีโอกาสน้อยมากที่จะเป็นมะเร็งหากไม่มีปัจจัยอื่นร่วมด้วยค่ะ
พอทราบกันบ้างแล้วใช่ไหมคะว่าอาการเกี่ยวกับสุขภาพที่เราต้องพบเจอเวลาเดินทางด้วยเครื่องบินมีอะไรบ้าง ดังนั้นทางที่ดีเราก็ควรจะป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่นการพักผ่อนให้เพียงพอ แค่เพียงเท่านี้เราก็ไม่ต้องกลัวว่าอาการเหล่านี้จะมาเยือนให้ไม่สบายกายสบายใจเวลาเดินทางยังไงล่ะ
