x close

โตเร็วเกิน..สัญญาณเตือน โรคเนื้องอกต่อมใต้สมองฯ

เด็ก

โตเร็วเกิน..สัญญาณเตือน โรคเนื้องอกต่อมใต้สมองฯ (ไทยโพสต์)

          โรคเนื้องอกของต่อมใต้สมองผิดปกติ (Acromegaly) อาจไม่ใช่โรคที่น่ากลัวหรือพบได้บ่อยนักกับคนทั่วไป แต่แพทย์ไทยเตือนว่า สำหรับประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากปล่อยเอาไว้นานอาจจะสายเกินแก้และอันตรายถึงชีวิต ซึ่งโรคเนื้องอกของต่อมใต้สมองผิดปกติ  (Acromegaly)สามารถเป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ หากพบความผิดปกติทางร่างกาย เช่น สูงใหญ่ มือเท้าโตผิดปกติ หรือหน้าตาเปลี่ยนไป ให้รีบพบแพทย์ทันที

          รศ.นพ.สมพงษ์ สุวรรณวลัยกร รองผู้อำนวยการ (ฝ่ายบริการ) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และอาจารย์สาขาวิชาต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม เปิดเผยถึงภัยของโรคเนื้องอกของต่อมใต้สมองผิดปกติว่า โรคเนื้องอกของต่อมใต้สมองผิดปกติ  (Acromegaly)เกิดจากความผิดปกติของเนื้องอก ที่ได้สร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โกรธฮอร์โมน (Growth  Homone) ซึ่งผลิตขึ้นมามากกว่าคนปกติทั่วไป  โดยโรคนี้ปกติจะไม่ค่อยพบบ่อยมากนัก เทียบเป็นอัตราส่วน 1 ต่อหลายแสนคน แต่สำหรับในประเทศไทยนั้นพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากว่าระบบการแพทย์ของไทยในปัจจุบันดีขึ้นกว่าในอดีตมาก  มีการร่วมมือกันระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อ และแพทย์ระบบทางเดินทางประสาทในการวินิจฉัยและรักษา ทำให้ค้นพบผู้ที่เป็นโรคนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

          รศ.นพ.สมพงษ์กล่าวว่า  "อาการของโรคเนื้องอกของต่อมใต้สมองผิดปกตินั้น ขึ้นอยู่กับการตรวจพบและการวินิจฉัยของโรคว่า ผู้ป่วยเป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ หากเป็นตั้งแต่เด็ก ๆ ความสูงจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เฉลี่ยปีละ 10-15 เซนติเมตร ส่วนใหญ่ผู้ปกครองมักจะพาบุตรหลานมารักษา ก็จะสูงเกือบ  2  เมตรแล้ว ทำให้โอกาสที่จะรักษาหายมีน้อยมาก 

          สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ในช่วงผ่านการเป็นวัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ไปแล้ว การเจริญเติบโตด้านความสูงจะไม่เพิ่มขึ้น แต่สรีระทางร่างกายจะเปลี่ยนไป เช่น หน้าตาจะเปลี่ยนไป คิ้วจะโหนกขึ้น จมูกจะใหญ่ขึ้น คางจะขยาย ปากใหญ่ขึ้น คางจะยื่น ฟันห่าง มือเท้าจะใหญ่หยาบกร้าน เสียงพูดจะเปลี่ยนไป ลิ้นคับปาก และอายุไม่ยืน ส่วนระบบร่างกายภายใน อาทิ หัวใจและตับ จะโตมากขึ้น ข้อจะเสื่อมเร็ว หลังโก่ง นอกจากนี้ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะเป็นโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจโต อาจหัวใจวายและเสียชีวิตได้"

          โดยปกติโรคนี้ หากรักษาแต่เนิ่น ๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ในตอนท้าย ๆ ของโรค ทำให้การรักษายากมากขึ้น และโอกาสที่จะหายขาดมีน้อย สำหรับวิธีการรักษามีหลายวิธี หากพบเนื้องอกมีขนาดเล็กหรือพบแต่เนิ่น ๆ จะรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด กรณีที่เนื้องอกมีขนาดใหญ่มาก ไม่สามารถผ่าตัดออกได้หมด (ประเทศไทยมักจะพบถึง 9 ใน 10 คน ขนาดของเนื้องอกประมาณ 5-6 เซนติเมตร ซึ่งเนื้องอกจะไปกดเบียดบริเวณประสาทตาทำให้ตาบอดได้) 

          วิธีที่ 2 คือการฉายแสง วิธีการรักษาลักษณะนี้ไม่แนะนำ เนื่องจาการฉายแสงจะไปทำลายเนื้องอกตายลงก็จริง แต่ก็จะทำลายเซลล์ดี ๆ ตายไปด้วย ซึ่งส่งผลกับเรื่องของฮอร์โมนเพศ และฮอร์โมนชนิดอื่น ๆ ซึ่งเป็นวิธีทางเลือกสุดท้ายที่ใช้กัน 

          ปัจจุบันการรักษาโรคเนื้องอกของต่อมใต้สมองผิดปกติ  (Acromegaly) จะนิยมใช้วิธีการรักษาโดยการฉีดยา ซึ่งจะสามารถต้านการสร้างฮอร์โมนที่ผิดปกติได้ และพบว่าเมื่อใช้ยาฉีดฮอร์โมนชนิดนี้  จะทำให้เนื้องอกมีขนาดเล็กลงได้แต่ไม่ได้หายขาด ซึ่งการรักษาด้วยยาจะช่วยทำให้เนื้องอกมีขนาดเล็กลง  สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้องอกให้ผู้ป่วยรู้สึกบรรเทา และมีชีวิตเหมือนคนปกติได้ 

          "อยากให้สังเกตคนที่เป็นโรคนี้ ปัจจัยที่เห็นได้ชัดคือ ความสูงที่เพิ่มขึ้น หากในช่วงวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น มีความสูงที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 10 เซนติเมตรต่อปีขึ้นไป ต้องไปตรวจหาความผิดปกติ และให้สังเกตอีกจุดหนึ่งคือ นิ้วมือจะใหญ่หนา ส้นเท้าจะใหญ่ ฝ่าเท้าจะยืดผิดปกติ ใบหน้าจะเปลี่ยนไป คางจะโต โหนกคิ้ว  สันจมูกยาวขึ้น โหนกแก้ม ฟันจะห่าง ลิ้นจะใหญ่ ลิ้นคับปากเลย โดยคนไข้เหล่านี้ เมื่อสงสัยว่าเป็นโรคนี้ จะต้องนำเอารูปเก่ามาดูเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงของตนเอง"

          ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ฝ่ามือจะใหญ่หยาบเป็นคนตัวใหญ่ ล่ำ ๆ เสียงจะเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายจะช้ามาก จึงต้องควรสังเกตตัวเอง มีวิธีสังเกตง่าย ๆ เช่น แหวนที่เคยใส่อยู่คับไปต้องเปลี่ยนวง หรือเปลี่ยนเบอร์รองเท้าบ่อย ๆ ซึ่งไม่ควรจะเกิดในผู้ใหญ่ เป็นต้น ซึ่งแพทย์หลายท่านสามารถตรวจได้ โดยตรวจดูจากโครงกระดูกและอวัยวะภายในว่า มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หากเกิดความสงสัยว่าเป็นโรคนี้ ใช้วิธีการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมนซึ่งสามารถทดสอบได้ง่าย ๆ

          หากเนื้องอกไปโดนในส่วนของฮอร์โมนไธรอยด์ก็จะเฉื่อยชา ทำงานช้า ขี้หนาว ท้องผูก หากเนื้องอกลุกลามไปที่ต่อมฮอร์โมนเพศ จะทำให้ขาดฮอร์โมนเพศ ซึ่งจะมีความผิดปกติทางเพศ ซึ่งจะไม่มีลักษณะของผู้หญิงหรือผู้ชาย  ผู้หญิงก็จะไม่มีประจำเดือน ผู้ชายก็ไม่มีความรู้สึกทางเพศ แต่จะตัวสูง แต่ต่อมทางเพศถูกทำลายหมดแล้ว หรือหากเนื้องอกไปกดทับฮอร์โมนที่เรียกว่า สเตอรอยด์ ก็จะไม่มีแรง ลุกนั่งก็จะเป็นลม น้ำตาลต่ำและเกิดโรคภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น


  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย 

  คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ  




ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โตเร็วเกิน..สัญญาณเตือน โรคเนื้องอกต่อมใต้สมองฯ อัปเดตล่าสุด 2 มีนาคม 2553 เวลา 20:57:03 8,671 อ่าน
TOP