เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ผ่านพ้นปีใหม่มาไม่เท่าไร พร้อมออกกำลังกายกันหรือยัง ? ถ้าพร้อมแล้วรีบมาดูกันเลย ว่าเทรนด์การออกกำลังกายอะไรที่ไม่ควรพลาดในปี 2015 นี้
ผ่านกันไปแล้วกับเทศกาลการเฉลิมฉลองปีใหม่ หลาย ๆ คนที่หยุดออกกำลังกายไปเนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดยาวก็คงจะกลับมาออกกำลังกายกันอย่างเข้มข้นชดเชยในช่วงเวลาที่หยุดไปกันแล้วใช่ไหมล่ะคะ แล้วเบื่อวิธีการออกกำลังกายแบบเก่า ๆ กันหรือยังเอ่ย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเสาะหาเทรนด์การออกกำลังกายแบบใหม่ ๆ ละก็ วันนี้เราขอนำวิธีการออกกำลังกาย ที่เป็นเทรนด์สุขภาพที่น่าสนใจและน่าจะได้รับความนิยมในช่วงปี 2015 มาฝากกันค่ะ ซึ่งการออกกำลังกายแต่ละอย่างที่เว็บไซต์ health.com หยิบยกมาให้ได้ลองกัน ก็ไม่ใช่การออกกำลังกายที่แปลกใหม่แต่อย่างใด และเชื้อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ลองกันมาแล้ว ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างนั้น ไปหาคำตอบจากข้างล่างนี้กันเลย
การออกกำลังกายแบบใช้น้ำหนักตัว (Body Weight Training)เราอาจจะคุ้นเคยกับการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่งกันมานาน แต่ขอบอกเลยค่ะว่าวิธีการออกกำลังกายแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่และยากอย่างที่คิด เพราะการออกกำลังกายนี้จะใช้น้ำหนักตัวของเราเป็นหลักค่ะ ซึ่งวิทยาลัยเวชศาสตร์การกีฬาของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทำการสำรวจกับผู้เชี่ยวชาญกับการออกกำลังกายทั่วโลกกว่า 3,000 คน พบว่า การออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักตัวกำลังจะกลายเป็นที่นิยมอย่างแน่นอน เพราะในปัจจุบันมีคนออกกำลังกายมากขึ้น แต่สถานออกกำลังกายก็ยังคงไม่เพียงพอ รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับเวทเทรนนิ่ง ผู้ที่ออกกำลังกายบางส่วนก็ไม่มีเวลาที่จะออกไปโรงยิมหรือฟิตเนส ทำให้การออกกำลังกายด้วยน้ำหนักตัวจะกลายเป็นสิ่งที่สะดวกสำหรับคนออกกำลังกายมากขึ้น แค่เพียงใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงต้านในการออกกำลังกาย แถมยังมีท่าในการออกกำลังกายมากมายให้เลือก เพื่อออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ อาทิเช่น การวิดพื้น หรือการกระโดด 1 ครั้ง สลับกับ วิดพื้น 1 ครั้ง ที่เรียกว่าท่า Burpees ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์หรือไปยังสถานออกกำลังกายก็ทำได้ แน่นอนค่ะว่ามันให้ผลดีมาก ๆ เช่นเดียวกับการเล่นเวทเทรนนิ่ง เผลอ ๆ จะดีกว่าด้วยล่ะ
HIIT (High-Intensity Interval Training)แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาสูตรการออกกำลังกายนี้ ได้รับความนิยมลดลงบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าการออกกำลังกายชนิดนี้จะหมดความนิยมแต่อย่างใด เพราะการออกกำลังกายชนิดนี้เป็นการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้น ใช้เวลาน้อย และไม่ทำให้ร่างกายหักโหมมากเกินไป แถมยังออกกำลังกายได้ทุกที่อีกด้วยค่ะ ซึ่ง Donna Cyrus รองประธานอาวุโสด้านโปรแกรมการออกกำลังกายของ Crunch Fitness ได้อธิบายไว้ว่า ที่การออกกำลังกายวิธีนี้ได้รับความนิยมก็เพราะ HIIT เป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ในระยะสั้น ๆ และผู้ที่ออกกำลังกายสามารถสังเกตเห็นได้ถึงผลของการออกกำลังกาย และในเมื่อ HIIT สามารถทำให้ร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการออกกำลังกายเพียงวันละ 20 นาที แล้วใครจะอยากใช้เวลาหลาย ๆ ชั่วโมงต่อวันในการออกกำลังกายแบบเดิม ๆ อีกล่ะ จริงไหม?
การออกกำลังกายบนลู่วิ่งการใช้ลู่วิ่งในการออกกำลังกายถือเป็นวิธีการออกกำลังกายในร่มที่สุดแสนจะคลาสสิกวิธีหนึ่ง แค่เพียงขึ้นไปบนลู่วิ่ง ปรับความเร็วและความชันของอุปกรณ์ แล้วเริ่มวิ่งเท่านั้นเอง ซึ่ง Andia Winslow ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายได้เปิดเผยว่า ในปีนี้เทรนด์การออกกำลังกายเริ่มกลับสู่วิถีแบบเรียบง่ายมากขึ้น จึงทำให้การออกกำลังกายด้วยลู่วิ่งกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในปีนี้ โดยการออกกำลังกายวิธีนี้จะช่วยลดการตึงเครียดในกระดูกบริเวณข้อต่อและเส้นเอ็นมากกว่าการวิ่งโดยทั่วไป ทำให้นักวิ่งหรือคนที่ออกกำลังด้วยลู่วิ่งสามารถเน้นไปที่ความเข้มข้นของการออกกำลังกายได้ แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศอีกด้วย
การฟื้นฟูกล้ามเนื้อ แม้ว่าการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงจะให้ผลดีคือทำให้กล้ามเนื้อและร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่การหักโหมมากเกินไปโดยไม่มีการฟื้นฟูก็อาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บอย่างเช่น กล้ามเนื้ออักเสบได้ อะไรที่หนักเกินไปเราก็ควรผ่อนคลาย โดย David Reavy ผู้ฝึกสอนส่วนตัว เจ้าของ React Physical Therapy และผู้คิดค้นทฤษฎีการออกกำลังกายแบบ Reavy เปิดเผยว่าร่างกายที่มีความสมดุลเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้กล้ามเนื้อสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่่วนกล้ามเนื้อที่อ่อนแอจะเกิดการอ่อนล้าได้ง่าย ดังนั้นการออกกำลังกายแบบฟื้นฟูกล้ามเนื้อจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทำให้เริ่มมีคนจำนวนมากหันกลับมาใช้วิธีการนวดกล้ามเนื้อด้วยตนเอง (self myofascial release หรือ SMR) ในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกลิ้งลูกบอลโฟมตามกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ หรือแม้แต่การยืดกล้ามเนื้อในขณะที่เคลื่อนไหว และการฟื้นฟูกล้ามเนื้อด้วยการนอนหลับพักผ่อน นอกจากนี้การเล่นโยคะก็ยังเป็นวิธีในการออกกำลังกายที่ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้เช่นกัน
การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการออกกำลังกายในโลกปัจจุบันที่พึ่งพาเทคโนโลยีในการออกกำลังกายมากขึ้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะใช้แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เพื่อช่วยในการออกกำลังกายมากขึ้น โดยมีการศึกษาหนึ่งพบว่ามีผู้หญิงไม่ต่ำกว่า 9 ล้านคนที่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นสำหรับวิ่งกันมากขึ้น และอีกไม่ต่ำกว่า 16 ล้านคนดาวน์โหลดโปรแกรมออกกำลังกายเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ โดย Stefan Olander รองประธานกรรมการด้านกีฬาดิจิตอลของบริษัทไนกี้ เปิดเผยในการประชุมครั้งหนึ่งว่า แอพพลิเคชั่นเหล่านี้เปรียบเสมือนแรงผลักดันและที่ปรึกษาที่ดี รวมถึงแรงบันดาลในการออกกำลังกาย เพราะแอพพลิเคชั่นเหล่านี้สามารถใช้ได้ในหลายอุปกรณ์แถมยังสามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว สารอาหารที่ได้รับ การนอนหลับ และกิจกรรรมต่าง ๆ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกประมวลและนำเสนอคำแนะนำในการดูแลสุขภาพรวมทั้งการออกกำลังกายให้แก่ผู้ที่ใช้งานได้ดี โดยไม่จำเป็นต้องพบผู้เชี่ยวชาญ เพราะแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ก็สร้างขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญนั่นเอง
รู้กันแล้วใช่ไหมล่ะคะว่าเทรนด์ออกกำลังกายปีนี้จะเป็นไปในแนวทางไหน ยังไงก็ลองเลือกไปใช้กันได้ตามสะดวกเลย แต่ก็ควรจะเลือกที่เหมาะกับตนเองนะคะ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพก็ควรจะเลือกที่ไม่ส่งผลกระทบอันตรายอะไรกับร่างกาย เพื่อที่จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นและพร้อมลุยไปกับปี 2015 กันได้อย่างมั่นใจไงล่ะ
