แพทย์เตือนบริหารคอผิดวิธี เสี่ยงอัมพฤกษ์-นวดกดจุดบริเวณท้ายทอยเสี่ยงตาบอด แนะบริหารดันคอ 4 ทิศ ประสิทธิภาพเทียบเท่าดึงคอจัดกระดูก
วันที่ 25 มีนาคม 2558 ศ. นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากการศึกษาและเฝ้าระวังเรื่องการบริหารคอด้วยการสะบัดคอ หมุนคอ เอียงคอ โดยเฉพาะการบริหารร่างกายด้วยหมุนคอเป็นประจำนั้น พบว่าท่าบริหารดังกล่าวจะส่งผลให้เส้นเอ็นและกระดูกจะเข้าไปกระแทกผิวเส้นเลือดชั้นในที่อยู่บริเวณหลังก้านคอ เกิดการฉีกขาด ตีบตัน และทำให้เป็นอัมพฤกษ์ ซึ่งถือเป็นท่ากายบริหารที่ร้ายแรง ส่วนการนวดที่มีการบิดคอ หักคอ เพื่อให้กระดูกเข้ารูปนั้น นอกจากจะทำให้เส้นเลือดคู่หลังฉีกขาดแล้วยังทำให้เส้นเลือดคู่หน้า ที่ทำหน้าที่ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองทางด้านหน้าและสมองใหญ่ เกิดฉีกขาดอีกด้วย
ศ. นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า การนวดแผนไทยตามร้านที่มีการนวดกดจุดพบว่า การนวดกดจุดบริเวณท้ายทอย จะเป็นการปิดการทำงานของเส้นเลือดคู่หลังไม่ให้ส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้สมองส่วนการรับจอภาพเกิดการมืดลง อาจจะมองไม่เห็นชั่วขณะ และเมื่อปล่อยจึงจะกลับมาสว่างอีกครั้ง ในการนวดลักษณะนี้หากเป็นคนที่ความผิดปกติของเส้นเลือดอยู่แล้ว หรือกดนานเกินไป อาจจะทำให้เกิดภาวะตาบอดชั่วคราวนาน 2-3 วัน หรือหากเป็นผู้ที่มีปัญหาเส้นเลือดตีบตันอาจจะทำให้เกิดภาวะตาบอดถาวรได้ โดยกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมานานแล้ว ซึ่งมีรายงานทั้งในวารสารต่างประเทศ และพบผู้ป่วยในประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน และหากไปนวดที่ร้านต้องแจ้งหมอนวดให้ละบริเวณคอเอาไว้
สำหรับท่าบริหารคอที่เหมาะสมคือ การตั้งคอตรง หน้าตรง ดันศีรษะสู้กับฝ่ามือตัวเอง ทั้ง 4 ทิศ ซ้าย ขวา หน้า หลัง ถือเป็น 1 รอบ และคอจะต้องอยู่กับที่ ไม่เคลื่อนที่ไปไหน จึงจะไม่กระทบกับเส้นเลือดและเส้นประสาท โดยควรทำวันละประมาณ 20-30 รอบ เวลาใดก็ได้ และไม่ต้องทำต่อเนื่องก็ได้ การบริหารดังกล่าวจะทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งแรง และเป็นการจัดกระดูกต่าง ๆ ให้เข้าที่ อย่างไรก็ตามต้องใช้เวลาทำสม่ำเสมอ ซึ่งการดันคอ 4 ทิศนี้ มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการดึงคอเพื่อจัดกระดูก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
