ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
แม่วอนช่วยลูกชายวัย 3 ขวบเป็นโรคกลัวข้าว ต้องกินนมแทน ด้านจิตแพทย์ชี้เกิดจากจิตใจของเด็ก ส่วนกุมารแพทย์เผย อาจเกิดภาวะขาดสารอาหารทำให้เด็กมีพฤติกรรมแปลก ๆ
จากกรณีพบว่า เด็กชายวัย 3 ขวบ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีอาการหวาดกลัวข้าว หรือ กลัวอาหารที่มีลักษณะเป็นเมล็ดเล็ก ๆ ซึ่งได้รับการรักษามาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 นั้น ล่าสุดวันนี้ (6 ตุลาคม 2558) มารดาของเด็ก เปิดเผยว่า หลังจากพยายามรักษาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกชายมาโดยตลอด 1 ปี ก็ไม่สำเร็จ เพราะลูกชายไม่ยอมกินข้าว หรือแม้กระทั่งเห็นสิ่งที่เป็นเม็ดเล็ก ๆ ก็จะวิ่งหนีตลอด จนสุดท้ายต้องให้กินนมกับขนมประทังชีวิต ทำให้ลูกมีอาการปวดท้องและอาเจียนอยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก เพราะครอบครัวไม่มีรายได้มากพอมาซื้อขนม จึงอยากให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยวินิจฉัยและหากผู้ใดใจบุญอยากช่วยเหลือ สามารถติดต่อมาที่เบอร์โทรศัพท์ 082-894-2509
ด้าน พญ.อัมพร เบจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า อาการดังกล่าวต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเกิดจากความกลัวของเด็กที่มาจากการเลี้ยงดู หรือเป็นโรคทางจิตเวช (โฟเบีย) ที่กลัวอย่างไม่มีเหตุผลและไม่สามารถห้ามความรู้สึกได้ แม้สิ่งนั้นจะไม่มีอันตรายก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในเด็กโตถึงวัยผู้ใหญ่ มีสาเหตุมาจากโครงสร้างของจิตใจ
อย่างไรก็ตามหากมีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูเด็ก ที่ตามหลักจะให้เด็กกินนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่ 0-6 เดือน แล้วค่อยให้อาหารอย่างอื่น จากอาหารเหลวค่อย ๆ เพิ่มความหยาบของอาหารเพื่อพัฒนาการบดเคี้ยวไปจนถึง 1 ขวบ ซึ่งต้องมาดูว่าการบดเคี้ยวมีปัญหาทำให้เด็กเจ็บปวดหรือไม่ หากเด็กมีปัญหาตรงนี้แล้วผู้ปกครองบังคับให้เด็กกินข้าวก็อาจเกิดภาวะโฟเบียปลอม ส่วนอีกกรณีที่เป็นได้เกิดจากการที่ปล่อยให้เด็กทานอาหารเหลวและขนมกรุบกรอบ จนเด็กก้าวกระโดดมากินของไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
สำหรับการแก้ไขคือต้องปรับพฤติกรรม โดยเริ่มจากการปรุงอาหารให้มีรสชาติที่เด็กชอบดูน่ากิน และอย่าบังคับ ควรให้เริ่มจากการชิมคำเล็ก ๆ แล้วชื่นชมเด็ก รวมทั้งใช้นิทาน หรือยกเอาฮีโร่ที่เด็กชอบมาหลอกล่อ โดยบอกว่าฮีโร่เก่งเพราะกินข้าวรวมทั้งสร้างบรรยากาศเชิญชวน ซึ่งหากพบว่าเด็กเป็นโรคโฟเบียการแก้ไขปรับพฤติกรรมก็ต้องทำแบบเดียวกัน แต่ต้องเพิ่มความเข้มข้นโดยมีแพทย์ และกรณีนี้เด็กอายุเพียง 3 ขวบน่าจะรักษาให้หายได้ และคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากจิตใจ เพราะหากเป็นเรื่องการแพ้สารอาหารจะมีอาการปากฎให้เห็น
ขณะที่ นพ.พิภพ จิรภิญโญ สาขาวิชาโภชนาการ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าว่า ยังไม่อยากมุ่งไปที่เรื่องจิตใจเด็กเป็นอย่างแรก แต่ควรดูประวัติของเด็กและตรวจร่างกายให้ละเอียดว่ามีการขาดสารอาหารตัวใดหรือไม่ เพราะการขาดสารอาหารบางตัวอาจทำให้เด็กมีพฤติกรรมแปลก ๆ เช่น หากขาดวิตามินซีจะทำให้เด็กอยากรับประทานแค่ของเหลว ส่วนการแก้ปัญหาควรเปลี่ยนรูปแบบการทำอาหาร เช่น ใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำมาจากข้าว โดยค่อยเป็นค่อยไป หากเด็กโตขึ้นก็อาจเปลี่ยนพฤติกรรมได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเตมจาก
