Dromomania โรคคลั่งการท่องเที่ยว อยากตะลุยโลกไปเรื่อย ๆ แบบหยุดไม่อยู่ ภาวะนี้อาจเข้าข่ายอาการทางจิตชนิดหนึ่ง และผู้ป่วยก็มักจะไม่รู้ตัว
การเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ น่าจะเป็นความสุขของทุกคน แต่หากว่าคุณมีพฤติกรรมชอบเที่ยวหนักมาก เอะอะนึกอยากจะเที่ยวตลอดเวลา แถมถ้าได้ออกเดินทางเมื่อไรก็มักจะติดลมจนไม่อยากจะกลับมาสู่โลกความจริง ลองถามใจตัวเองดูอีกที ว่าอาการอยากเที่ยวหนักมากของเรานี่ปกติหรือเข้าข่ายอาการทางจิต Dromomania กันหว่า ? อย่างเช่นหนึ่งในเคสตัวอย่างของผู้ที่เป็นโรคนี้คือชายชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ที่หายตัวลึกลับไปนานนับปีเพื่อเดินทางท่องเที่ยวชนิดที่ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้เลย
หากย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1886 ชาวฝรั่งเศสอายุ 26 ปีคนหนึ่งชื่อว่า อัลเบิร์ต ดาดาส ชายหนุ่มผู้นี้ทำงานในโรงก๊าซ เมืองบอร์กโดซ์ จู่ ๆ ก็หายตัวไปดื้อ ๆ โดยที่ไม่มีใครทราบเลยว่าเขาไปไหน ทำไมถึงไม่มาทำงาน จนกระทั่งปลายเดือนกรกฎาคม ปี 1887 นักศึกษาด้านจิตวิทยาคนหนึ่งได้พบดาดาสนอนอ่อนเพลียอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล Sankt André ที่เมืองบอร์กโดซ์ ซึ่งนับว่าเขาหายไปนานนับปีเลยทีเดียว
โดยการหายตัวไปของ อัลเบิร์ต ดาดาส ก็ถูกเปิดเผยในภายหลังว่าเขาใช้เวลาออกเดินทางไปทั่วทวีปยุโรป ด้วยสองขาของเขาเอง และเงินเท่าที่มีติดตัว ณ ขณะนั้น ทว่าเมื่อครั้งที่เขาถูกพบอยู่บนเตียงคนไข้ เขากลับจำเรื่องราวระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวไม่ได้เลย แต่ในความรู้สึกของเขา ณ จุดนั้น กลับบอกให้เขาออกเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงดูดให้เขาอยากออกเดินทางไปยังสถานที่อันไกลโพ้น และมันเป็นความรู้สึกที่ทรมานมาก ๆ เพราะเขาไม่สามารถยับยั้งความปรารถนาในการออกเดินทางท่องเที่ยวของเขาได้แม้สักนิดเดียว จะมีก็แต่ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงเท่านั้นที่ทำให้เขาต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่แบบนี้
ทั้งนี้ เรื่องราวของ อัลเบิร์ต ดาดาส
ก็ถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่ทำให้วงการแพทย์วินิจฉัยว่าเขามีอาการทางจิต
ป่วยเป็นโรค Pathological Tourist หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Dromomania
ซึ่งเป็นอาการของคนที่อยากจะออกเดินทางท่องเที่ยวโดยไม่กังวลถึงสิ่งใด
ไม่แคร์แม้ว่าเงินและกำลังจะมีอยู่เท่าไร
ไม่สนใจว่าจะต้องละทิ้งหน้าที่การงาน ครอบครัว ชีวิตประจำวัน
หรือแม้แต่ตัวตนของตัวเองไป
และเมื่อได้รับรู้ว่ามีสถานที่น่าออกเดินทางไปไกล ๆ เมื่อไร
ก็มักจะไปแบบปุบปับอย่างไร้การวางแผนซะทุกที
ซึ่งในทางจิตวิทยาถือว่าเป็นความคลั่งไคล้เข้าขั้นอาการมาเนีย (mania)
ชนิดหนึ่งค่ะ
อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยโรค Dromomania มักจะจับสังเกตได้ยาก เนื่องจากผู้ป่วยมักจะมีอาการปกติเหมือนคนไม่ได้ป่วยทั้งทางจิตใจหรือทางกาย แต่ดูเหมือนเป็นคนชอบท่องเที่ยวมาก ๆ เท่านั้น
ทว่าก็ยังพอมีอาการบ่งชี้ว่าเข้าข่ายป่วยโรค Dromomania อยู่บ้าง เอาเป็นว่าใครรู้สึกว่าตัวเองติดเที่ยวมากไปหน่อย ลองเช็กจากอาการ Dromomania เหล่านี้สิว่าตรงมากน้อยแค่ไหน
- จัดกระเป๋าเตรียมพร้อมตลอด สามารถออกเดินทางได้ทันทีที่ใจอยาก
- แรงบันดาลใจเดียวของการทำงานคืออยากหาเงินเพื่อไปเที่ยวเท่านั้นจริง ๆ
- มีความคุ้นเคยกับสนามบินเกือบทั่วโลก
- มีเพื่อนชาวต่างชาติมากกว่่าในประเทศซะอีก
- บ่อยครั้งก็เริ่มวางแผนการเดินทางครั้งใหม่ ทั้งที่ยังไม่จบจากทริปที่เที่ยวอยู่
- ตื่นเช้ามาพร้อมกับความรู้สึกแปลกที่แปลกทาง แม้จะนอนอยู่บนเตียงของตัวเองก็ตาม
- ห้องนอนเต็มไปด้วยของที่ระลึกจากการท่องเที่ยว
- สามารถบอกทางนักท่องเที่ยวได้อย่างเป๊ะ ๆ โดยไม่ต้องนึกเส้นทาง แม้สถานที่นั้น ๆ จะไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
- มีทักษะเก็บกระเป๋าเดินทางด้วยความชำนาญ และมักจะใช้เวลาจัดกระเป๋าไม่เกิน 10 นาที
- รู้สึกแย่ทุกครั้งเพียงแค่นึกว่าจะต้องอยู่บ้านเฉย ๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์
- สื่อสารได้อย่างน้อย 6 ภาษา
- ไม่ว่าจะนั่งที่ไหนก็ตาม คุณมักจะติดนิสัยมองหาเข็มขัดนิรภัย (นี่นึกว่าอยู่บนเครื่องบินอยู่สินะ)
- มีขวดสบู่ แชมพู ของเหล่าโรงแรมที่พักมากพอจะเป็นของสะสมส่วนตัวได้
- นอนไม่ค่อยหลับ ถ้าไม่ได้ยินสัญญาณของการเดินทาง เช่น เสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบิน เป็นต้น
หากพบว่าตัวเองมีบุคลิกหรือนิสัยที่ตรงกับอาการดังกล่าวอยู่หลายข้อ ลองสำรวจใจตัวเองอีกนิดค่ะว่าหากเราไม่ได้ออกเดินทางเป็นเวลานานสักช่วงหนึ่ง เราจะทนไหวไหม และหากรู้ตัวว่าคงแย่แน่ ๆ ถ้าต้องอยู่กับบ้านเฉย ๆ ลองเปิดใจไปปรึกษากับจิตแพทย์ดูสักหน่อยก็น่าจะดีนะคะ
***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 15.57 น. วันที่ 28 มกราคม 2559
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก หมอๆ ตะลุยโลก
mental_floss
traveltechies.net
travelbench.net
การเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ น่าจะเป็นความสุขของทุกคน แต่หากว่าคุณมีพฤติกรรมชอบเที่ยวหนักมาก เอะอะนึกอยากจะเที่ยวตลอดเวลา แถมถ้าได้ออกเดินทางเมื่อไรก็มักจะติดลมจนไม่อยากจะกลับมาสู่โลกความจริง ลองถามใจตัวเองดูอีกที ว่าอาการอยากเที่ยวหนักมากของเรานี่ปกติหรือเข้าข่ายอาการทางจิต Dromomania กันหว่า ? อย่างเช่นหนึ่งในเคสตัวอย่างของผู้ที่เป็นโรคนี้คือชายชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ที่หายตัวลึกลับไปนานนับปีเพื่อเดินทางท่องเที่ยวชนิดที่ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้เลย
ภาพจาก mentalfloss.com
หากย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1886 ชาวฝรั่งเศสอายุ 26 ปีคนหนึ่งชื่อว่า อัลเบิร์ต ดาดาส ชายหนุ่มผู้นี้ทำงานในโรงก๊าซ เมืองบอร์กโดซ์ จู่ ๆ ก็หายตัวไปดื้อ ๆ โดยที่ไม่มีใครทราบเลยว่าเขาไปไหน ทำไมถึงไม่มาทำงาน จนกระทั่งปลายเดือนกรกฎาคม ปี 1887 นักศึกษาด้านจิตวิทยาคนหนึ่งได้พบดาดาสนอนอ่อนเพลียอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล Sankt André ที่เมืองบอร์กโดซ์ ซึ่งนับว่าเขาหายไปนานนับปีเลยทีเดียว
โดยการหายตัวไปของ อัลเบิร์ต ดาดาส ก็ถูกเปิดเผยในภายหลังว่าเขาใช้เวลาออกเดินทางไปทั่วทวีปยุโรป ด้วยสองขาของเขาเอง และเงินเท่าที่มีติดตัว ณ ขณะนั้น ทว่าเมื่อครั้งที่เขาถูกพบอยู่บนเตียงคนไข้ เขากลับจำเรื่องราวระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวไม่ได้เลย แต่ในความรู้สึกของเขา ณ จุดนั้น กลับบอกให้เขาออกเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงดูดให้เขาอยากออกเดินทางไปยังสถานที่อันไกลโพ้น และมันเป็นความรู้สึกที่ทรมานมาก ๆ เพราะเขาไม่สามารถยับยั้งความปรารถนาในการออกเดินทางท่องเที่ยวของเขาได้แม้สักนิดเดียว จะมีก็แต่ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงเท่านั้นที่ทำให้เขาต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่แบบนี้
อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยโรค Dromomania มักจะจับสังเกตได้ยาก เนื่องจากผู้ป่วยมักจะมีอาการปกติเหมือนคนไม่ได้ป่วยทั้งทางจิตใจหรือทางกาย แต่ดูเหมือนเป็นคนชอบท่องเที่ยวมาก ๆ เท่านั้น
ทว่าก็ยังพอมีอาการบ่งชี้ว่าเข้าข่ายป่วยโรค Dromomania อยู่บ้าง เอาเป็นว่าใครรู้สึกว่าตัวเองติดเที่ยวมากไปหน่อย ลองเช็กจากอาการ Dromomania เหล่านี้สิว่าตรงมากน้อยแค่ไหน
- จัดกระเป๋าเตรียมพร้อมตลอด สามารถออกเดินทางได้ทันทีที่ใจอยาก
- แรงบันดาลใจเดียวของการทำงานคืออยากหาเงินเพื่อไปเที่ยวเท่านั้นจริง ๆ
- มีความคุ้นเคยกับสนามบินเกือบทั่วโลก
- มีเพื่อนชาวต่างชาติมากกว่่าในประเทศซะอีก
- บ่อยครั้งก็เริ่มวางแผนการเดินทางครั้งใหม่ ทั้งที่ยังไม่จบจากทริปที่เที่ยวอยู่
- ตื่นเช้ามาพร้อมกับความรู้สึกแปลกที่แปลกทาง แม้จะนอนอยู่บนเตียงของตัวเองก็ตาม
- ห้องนอนเต็มไปด้วยของที่ระลึกจากการท่องเที่ยว
- สามารถบอกทางนักท่องเที่ยวได้อย่างเป๊ะ ๆ โดยไม่ต้องนึกเส้นทาง แม้สถานที่นั้น ๆ จะไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
- มีทักษะเก็บกระเป๋าเดินทางด้วยความชำนาญ และมักจะใช้เวลาจัดกระเป๋าไม่เกิน 10 นาที
- รู้สึกแย่ทุกครั้งเพียงแค่นึกว่าจะต้องอยู่บ้านเฉย ๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์
- สื่อสารได้อย่างน้อย 6 ภาษา
- ไม่ว่าจะนั่งที่ไหนก็ตาม คุณมักจะติดนิสัยมองหาเข็มขัดนิรภัย (นี่นึกว่าอยู่บนเครื่องบินอยู่สินะ)
- มีขวดสบู่ แชมพู ของเหล่าโรงแรมที่พักมากพอจะเป็นของสะสมส่วนตัวได้
- นอนไม่ค่อยหลับ ถ้าไม่ได้ยินสัญญาณของการเดินทาง เช่น เสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบิน เป็นต้น
หากพบว่าตัวเองมีบุคลิกหรือนิสัยที่ตรงกับอาการดังกล่าวอยู่หลายข้อ ลองสำรวจใจตัวเองอีกนิดค่ะว่าหากเราไม่ได้ออกเดินทางเป็นเวลานานสักช่วงหนึ่ง เราจะทนไหวไหม และหากรู้ตัวว่าคงแย่แน่ ๆ ถ้าต้องอยู่กับบ้านเฉย ๆ ลองเปิดใจไปปรึกษากับจิตแพทย์ดูสักหน่อยก็น่าจะดีนะคะ
***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 15.57 น. วันที่ 28 มกราคม 2559
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก หมอๆ ตะลุยโลก
mental_floss
traveltechies.net
travelbench.net