แชร์ภาพเลือดสีชมพูว่อนโซเชียล แพทย์ระบุคือภาวะเม็ดเลือดแดงแตก เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่จำเป็นต้องกินยาลดความอ้วนหรือดีท็อกซ์เสมอไป ทานยารักษาโรคเกินขนาดก็พบได้
จากกรณีแพทย์ตรวจพบเลือดของคนไข้รายหนึ่งเป็นสีชมพู อันเกิดจากการกินยาดีท็อกซ์ลดความอ้วนนานถึง 2 เดือน พร้อมกับเตือนให้ประชาชนเลิกกินยาลดความอ้วน แม้ว่าจะมีฉลากส่วนผสมที่เขียนว่าสมุนไพร แต่สมุนไพรบางตัวหากกินโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ก็อาจจะเกิดอันตรายได้ ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น (หมออึ้ง ตรวจเจอคนไข้เลือดสีชมพู เพราะยาลดความอ้วน)
เกี่ยวกับประเด็นเรื่องเลือดสีชมพูที่ชาวเน็ตให้ความสนใจนั้น เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 นายแพทย์อิราวัต อารีกิจ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป และความงามผิวพรรณ ได้ให้ข้อมูลว่า การเกิดเลือดสีชมพูเป็นได้หลายกรณี โดยจากข้อมูลที่แชร์กันมานั้น ยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากการรับประทานอาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจริงหรือไม่ เพราะการสรุปนั้นต้องตรวจสอบข้อมูลรวมทั้งผลจากห้องทดลองก่อน แต่เบื้องต้นจากภาพที่เห็นคาดว่าไม่ใช่เลือดที่ดูดมาจากคนไข้โดยตรง แต่อาจพบได้ในขั้นตอนของการเตรียมเลือด การจัดเก็บตัวอย่างเลือดในกระบวนการปั่นเลือดให้แยกชั้น
ส่วนที่พบว่าเลือดเป็นสีชมพูนั้น นายแพทย์อิราวัต ระบุว่า จริง ๆ คือเม็ดเลือดแดงที่เปราะและแตกออกไปผสมกับชั้นพลาสมา หรือน้ำเลือดสีขาวใส ทำให้สีแดงของเม็ดเลือดจางลงดูคล้ายสีชมพู ภาวะแบบนี้เกิดจาก "ภาวะเม็ดเลือดแดงเปราะแตก" หรือเม็ดเลือดไม่แข็งแรง ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยโรคโลหิตจาง และโรคเลือดอื่น ๆ เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการรับประทานยาเพียงสาเหตุเดียว
ขณะที่การทานกลูตาไธโอนหรืออาหารเสริมอื่น ๆ ก็ไม่ได้ทำให้เกิดเลือดชมพูได้บ่อย ๆ หากพบเลือดสีชมพู นั่นอาจมีปัจจัยอื่น ๆ ในตัวคนไข้ร่วมด้วย เช่น มีโรคประจำตัว ทานยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรค อาหารเสริมเกินขนาด ไม่ใช่ว่าเกิดจากการทานยาลดความอ้วนหรือดีท็อกซ์เสมอไป และขณะนี้ก็ยังไม่มีงานวิจัยใดระบุว่า สมุนไพรทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกได้โดยตรง แต่หากตรวจพบคนไข้มีภาวะนี้จากการทานยา เมื่อให้หยุดยาและรักษาตามอาการแล้ว ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกก็จะกลับมาเป็นปกติได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
