แชร์ประสบการณ์วิ่งลดน้ำหนัก เพื่อดูแลตัวเอง แต่ไหงเธอกลับได้ผู้ชายที่เคยโบกมือลาเธอไปกลับคืนมา แค่วิ่งก็ชีวิตดี๊ดีแบบนี้เลย ?!
แค่คิดจะดูแลตัวเองให้ดี ชีวิตก็เปลี่ยนได้เหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยเป็นมนุษย์ป้า หรือเป็นคนท้องในสายตาคนอื่น แต่ในวันนี้ คุณน้องบั๊ฟ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เธอกลายเป็นสาวหุ่นฟิต แอนด์ เฟิร์ม แถมยังได้คู่ชีวิตกลับมาอีกต่างหาก
เพราะชีวิตยังต้องเดินหน้าต่อไป ฉะนั้นแม้จะไม่มีคนที่เคยคุ้นอยู่ข้างกาย เธอก็ไม่เสียเวลามาฟูมฟายหรือใช้ชีวิตแบบเศร้า ๆ ไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะหลังจากแอบเห็นเงาตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ ความคิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างและสุขภาพให้ดีก็บังเกิด ที่สำคัญเธอไม่ปล่อยให้เป็นความคิดชั่ววูบที่ผ่านมาแล้วลอยหายไปในอากาศ แต่เธอเริ่มลงมือทำสิ่งที่คิดทันที และจากนาทีนั้นก็พาให้ชีวิตเธอก้าวมาสู่ ณ จุดจุดนี้ จุดที่เธอออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ที่ได้ทั้งหุ่นดี ๆ และผู้ชายที่เรียกว่าสามีกลับคืนมา !
ผู้ชายที่หายไป กลับมา เมื่อฉันออกวิ่ง!!! โดยคุณ น้องบั๊ฟ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ชีวิตแต่งงานที่ผ่านมาแล้ว 9 ปี อย่าไปรื้อฟื้นมันเลยนะ ว่าผ่านอะไรมาบ้าง บอกได้เพียงว่า...เส้นทางที่เลือกเองนี้ เหมือนโรยด้วยกุหลาบที่มาพร้อมก้านและหนาม !
คุณวุฒิ วัยวุฒิ หน้าที่การงาน จะให้ประชดชีวิตด้วยการเมาหัวราน้ำ เช้ามากลิ่นละมุดปะทะจมูกลูกน้องก็ไม่ใช่...หรือจะให้ร้องไห้ตาบวม เป็นนกกระปูดตาแดงทำรังในไร่แห้ว ตาไร้แวว ซึมกะทือ มานั่งทำงานก็ไม่ใช่อีก...หรือจะให้ "แอ๊ว" ชายหนุ่ม ส่องกระจกดูหนังหน้าแล้ว อย่าเลย มันหมดวัยนั้นไปนานละ ถึงยังไม่มีหงอกให้ถอน แต่อายุอานามขนาดนี้แล้ว สมองต้องคิดเป็น !!!
"กำลังจะมีน้องรึเปล่าเนี่ย ??? อวบอิ่มเชียว" เป็นคำทักทายที่ทำให้จุกในใจ ทักว่า "อ้วนขึ้นหรือเปล่า" ยังจะดีซะกว่า...นี่กี่เดือนมาแล้วนะที่เราต้องนอนคนเดียว T_T
อาบน้ำเสร็จ เดินแก้ผ้าผ่านกระจก หางตาเหลือบไปเห็น "ม้าน้ำ" ตัวใหญ่
เริ่มวิเคราะห์ตัวเองผ่านกระจก ท้องแขนย้อย นมฟีบ พุงป่อง เนื้อเบียด ก้นห้อย เซลลูไลท์ต้นขาเพียบ...นี่ฉันปล่อยให้ตัวเองมาถึงจุดจุดนี้ได้อย่างไร ? ตัดสินใจใส่ชุดวอร์มลงไปห้องฟิตเนส ด้อม ๆ มอง ๆ ลู่วิ่งนี่แหละ น่าจะง่ายสุดละ
วันแรกก็ต้วมเตี้ยมต้วมเตี้ยมอยู่บนลู่วิ่ง 15 นาที ลงจากลู่มีความรู้สึกเหมือนจะเป็นลม เดินเซตุปัดตุเป๋ ตามประสาคนไม่เคยออกกำลังกาย มากไปกว่านั้นวันรุ่งขึ้นเหมือนตัวจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างนี้มันต้องถอน !
ฮึดสู้ พยายามเดินบนลู่วิ่งทุกวัน วันละ 15 นาที ผ่านไป 1 อาทิตย์ เริ่มวิ่งต่อเนื่องได้ ร่างกายก็ไม่ร้าว แถมนอนหลับสบายอีกต่างหาก ชักสนุกกับการวิ่งแล้วสิ ^o^
ผ่านไป 6 เดือน การวิ่งบนลู่มองตัวเองในกระจกอย่างน้อยวันละ 45 นาที เริ่มเป็นเรื่องน่าเบื่อ ลองออกมาวิ่งสวนสาธารณะบ้างดีกว่า...ได้สัมผัสกับธรรมชาติ สูดลมหายใจเข้าปอดได้เต็มที่ ^_^
วันแรกที่วิ่งในสวนสาธารณะอัดเต็มเหมือนตอนวิ่งบนลู่เลย วิ่งไปได้แค่ 500 เมตร เหงื่อแตกพลั่ก ๆ พาลจะหมดแรง ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการวิ่งใหม่ทั้งหมด
วิ่งบนพื้น ไม่มีแรงส่งของสายพาน ใช้แรงตัวเองล้วน ๆ เวลาวิ่งอย่าพยายามเทน้ำหนักลงไปที่ปลายเท้า พยายามให้ค่อนมาทางจมูกเท้า ดึงเข่าให้สูงกว่าวิ่งบนลู่นิดนึง ควบคุมจังหวะการวิ่งให้สม่ำเสมอ และพยายามควบคุมลมหายใจระหว่างวิ่ง
ถ้าเหนื่อยอย่าหยุดเดิน แต่ให้ผ่อนแรง แล้วซอยเท้าให้สั้นขึ้น เพื่อให้สามารถวิ่งต่อเนื่องระยะไกลได้ เป้าหมาย ณ ตอนนั้น คือ อยากลองวิ่ง Mini Marathon 10 กิโลเมตรดูสักครั้ง
และงานวิ่งแรกที่ลงสมัคร คือ "นาวิกโยธินมาราธอน" ลงวิ่ง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาไป 1.27 ชั่วโมง ภูมิใจในตัวเองมาก เริ่มติดใจงานวิ่งแล้วสิ ได้เสื้อ ได้เหรียญ ได้เพื่อน และได้เที่ยว
เป็นเพราะการวิ่งออกกำลังกาย ทำให้รูปร่างดีขึ้น สามารถแต่งตัวอะไรก็ได้ตามใจ เริ่มใส่เสื้อเข้ารูป เริ่มใส่ขาสั้น และเป็นเรื่องธรรมชาติ พอได้ออกกำลังกาย กินอิ่ม นอนหลับ หน้าตาก็จะสดใสตามไปด้วย
แล้วอยู่ ๆ ผู้ชายก็โทรมาหา "พี่สัญญาว่าจะพาเราไปเที่ยวทะเล เสาร์-อาทิตย์นี้พี่ว่าง ไปไหม ?" รู้สึก งง ๆ แต่พอวางสาย ก็เดินไปเก็บกระเป๋า เลือกเสื้อผ้าเตรียมไปทะเลนะ ^o^
ต้องยอมรับตรง ๆ ว่า ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า "การวิ่งจะทำให้สามีกลับมาหาได้" เป็นอะไรที่ทำใจและปลงได้แล้วสำหรับเรื่อง "ชีวิตคู่"
อยากจะเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิงทุกคน...ใครจะไม่รักเรา ใครจะไม่ดูแลเรา ใครจะไม่ใส่ใจเรา ก็ปล่อยเขาไป...ใจของเรา ตัวของเรา เราดูแลเองได้
หันกลับมาดูแลตัวเอง รักษารูปร่าง รักษาสุขภาพ...เมื่อไรก็ตามที่ "เรารักตัวเองเป็น" สิ่งดี ๆ ก็จะตามเข้ามา
สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ตอนนี้ความเป็นครอบครัวเริ่มกลับมา "เรา" เริ่มมีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน คือ "การวิ่ง"
เย็นวันไหนถ้าเลิกงานเวลาใกล้เคียงกัน ก็จะนัดไปซ้อมวิ่งในสวนสาธารณะด้วยกัน กินข้าวเย็นด้วยกัน...เป็นวัฏจักร เมื่อออกกำลังกาย ความเครียดก็จะผ่อนคลาย ร่างกายก็จะแข็งแรง ความเป็นสามีภรรยาก็จะตามมา...
อีกไม่นานเราคงได้เป็น "พ่อและแม่" เพราะร่างกายแข็งแรงจาก "การวิ่ง" แล้วทั้งคู่ ^o^
"คู่ชีวิต" ไม่ได้มีแค่รูปแบบของ "คู่สร้างคู่สม" แต่ยังมีรูปแบบของ "คู่กรรมคู่เวร" ด้วย สามวันดีสี่วันไข้ รัก ๆ เลิก ๆ แต่สุดท้ายก็ตัดกันไม่ขาด
มีผู้ใหญ่คอยเตือนสติอยู่เสมอว่า... "ในวันที่โกรธกัน ก่อนที่จะตัดสินใจเกลียดกัน ให้คิดถึงวันที่เริ่มต้นรักกัน" ...
ความต้องตาถูกใจ พัฒนามาเป็นความรัก เกิดเป็นความผูกพัน ขาดกันไม่ได้ตัดกันไม่ขาด หรืออยู่กันแบบ "ของมันเคยเคย" ... ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ "คนสองคน" ว่าจะเลือกดำเนินชีวิตคู่ของตัวเองไปทางไหน หรือจะยุติเรื่องราวเก่าเพื่อเริ่มต้นใหม่ ก็ขึ้นอยู่กับ "หัวใจ" ของตัวเอง
จขกท. ไม่อยากพาดพิงถึงความเป็นมาของ "ชีวิตคู่" เลย กลัวจะต้อง tag ห้องชานเรือนเพิ่ม ^^ เอาเป็นว่าถ้าพูดเรื่อง "ฉันหรือเธอที่เปลี่ยนไป" ชนิดที่มองเห็นกันด้วยตาเปล่า ก็ต้องย้อนกลับไปดูรูปวันที่ถ่าย pre wedding ความหวานแหววเมื่อ 9 ปีที่แล้ว "เกาะคอขี่หลังเดินชายหาดท้าสายลม แสงแดด และเกลียวคลื่น"
ลองตัดภาพมาเป็นเมื่อสองปีก่อนสิ ถ้าทำแบบนั้น หนังสือพิมพ์คงได้พาดหัวข่าวอาชญากรรม "เมียจอมโหด กระโดดเกาะคอ ผัวหลังหัก ดับสยอง" แน่นอน
ผลลัพธ์ของการวิ่ง ทำให้ร่างกายที่ขาดการดูแลจนอ้วนเผละ เนื้อเหลวเป๋วในวัย 38 ปีนั้นกลับสู่สภาพเหมือนตอนอายุ 29 อีกครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี
ตอนอายุ 29 ปี จขกท. ก็เป็นแค่ "คนผอม" คนหนึ่ง แต่ตอนนี้ จขกท. กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยกลางคน ที่เนื้อหนังมังสาเริ่มจะไม่สามารถต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลกได้ เริ่มหย่อนเริ่มคล้อย การวิ่งไม่เพียงแต่ทำให้น้ำหนักตัวลดลง แต่ยังเป็นการขจัดไขมัน แล้วสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาทดแทน ทำให้สัดส่วน "ฟิต แอนด์ เฟิร์ม"
มากไปกว่านั้น จขกท. ยังสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า การวิ่งทำให้ "อกฟูรูฟิต" โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีใด ๆ อีกด้วย
เรามาวิ่งด้วยกันนะ ^o^
จขกท. เข้าห้องฟิตเนสครั้งแรก คือ 1 ก.พ. 2558 ตอนนั้นได้เขียนเล่าประสบการณ์ไว้ในกระทู้ "เมื่อผู้ชายในห้องฟิตเนสเรียกฉันว่า *ป้า*"
ในกระทู้นี้จะมีคำแนะนำแบบบ้าน ๆ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย รวมไปถึงการคุมอาหารชนิดไม่ทรมานพยาธิในท้อง คุมเบา ๆ ให้เรายังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ ^o^
ไม่ใช่แค่วิ่งเพื่อเรียกใครบางคนกลับมาในชีวิตเรา แต่ก็อย่างที่เจ้าของกระทู้บอกนะคะว่า หากเราเริ่มดูแลตัวเอง สิ่งดี ๆ ก็จะวิ่งเข้ามาหาเราเองเช่นกัน ดังนั้นหากจะเริ่มรักตัวเองในวันนี้ ก็ไม่ถือว่าสายเกินความตั้งใจ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณ น้องบั๊ฟ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
