สาวบอกเล่าวินาทีที่ยมทูตมาเยี่ยมเยือน หลังป่วยโรคซึมเศร้าจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย มาจนขณะนี้ที่ค้นพบความหมายของการใช้ชีวิตอยู่ และพบความสุขในชีวิต
ในขณะที่คนในสังคมเริ่มรู้จักและให้ความสนใจกับอาการป่วยของโรคซึมเศร้ามากขึ้น แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่ขาดความเข้าใจในโรคดังกล่าว และยังคงสงสัยว่าเหตุใดผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจึงมีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตายสำเร็จเกินกว่าครึ่ง เป็นเพียงการคิดสั้นในชั่วขณะหรือไม่
โดยจุดเริ่มต้นของโรคนั้น เกิดขึ้นเมื่อ 1 ปีก่อน เธอเริ่มทำงานไม่ได้ เกรดตกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อปิดเทอมอาการซึมเศร้าก็เริ่มแสดงตัวชัด เธอถูกไล่ออกจากบ้าน เปิดฉากชีวิตเที่ยวกลางคืนจนเกือบพลาด ใช้ยาเกินขนาดจนมาฟื้นอีกทีในโรงพยาบาล จากนั้นก็มีอันต้องดรอปเรียนไป...
"การฆ่าตัวตายของพวกเราไม่ใช่การคิดสั้น มันคือการวางแผนอย่างดี ไตร่ตรองแล้ว และมีการเตรียมการ" คำพูดนี้เป็นสิ่งที่เธอประสบมากับตัว การทำร้ายตัวเองนั้นเป็นเรื่องเบาะ ๆ แต่เมื่อเราตัดสินใจที่จะตาย เราจะสงบและมีการเตรียมการอย่างดี เธอนั่งพิจารณาอยู่นานถึงเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ คิดอย่างจริงจังว่าจะหายใจต่อไปเพื่ออะไร และเมื่อคิดไม่ได้...ก็คือจบ
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เป็นเดือนสุดท้ายที่เธอฆ่าตัวตาย โดยมีการศึกษาและวางแผนอย่างดีในการซื้อหายาที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป ค่อย ๆ แกะยาที่ทำให้หัวใจของคนปกติล้มเหลวเฉียบพลันได้ กินไปเรื่อย ๆ ราว 70 เม็ด โดยไม่มีใครสังเกตเห็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่กำลังฆ่าตัวตายอย่างสงบ เธอค่อย ๆ สัมผัสทุกความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จนกระทั่งความตายเริ่มเข้ามาใกล้ นั่นเองเธอจึงได้หวาดกลัวมันเป็นครั้งแรก รู้สึกตัวอีกทีเธอก็มีแพทย์ยืนล้อมเตียง ถูกล้างท้อง แม้แพทย์จะพยายามคาดคั้นเธอว่ากินยาอะไรเข้าไป เธอก็ไม่ยอมตอบ
ในวันนั้นเองที่เธอได้พบกับนิสิตแพทย์คนหนึ่ง ที่แม้จะเป็นคนซุ่มซ่ามมาก แต่เขาก็ได้พูดคุยและส่งความห่วงใยมาถึงหัวใจ ซึ่งความห่วงใยนี้เองที่ช่วยชีวิตคนได้ เธอหลุดปากออกไปอย่างไม่รู้ตัวว่ากินยาอะไรไป จนทีมแพทย์สามารถรักษาเธอได้อย่างตรงจุดในที่สุด
หลังจากความเป็นตาย เธอพบแล้วว่าจะอยู่ไปทำไม จากนี้เธอจะขอฟังเสียงหัวใจตัวเอง จะทำแต่อะไรที่อยากทำ จะพูดสิ่งที่อยากพูด แม้ว่าการแอบโดดเรียนบ้าง จะทำให้เธอดูเป็นนิสิตที่ไม่ดีในสายตาอาจารย์ แต่เธอก็ทำเพื่อตัวเอง และคิดว่านั่นมันเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่แล้ว สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าหนึ่งปีหมาด ๆ อย่างเธอ
ตอนนี้เธอเริ่มรู้จักรับมือกับสภาพอารมณ์ดำมืด เผชิญหน้าและผลักมันออกไปได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เธอมีความสุขแล้ว และมั่นใจว่าในสักวันหนึ่งเธอจะผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดี
ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไปในโลกออนไลน์ พร้อมกับที่มีคนจำนวนมากที่เข้ามาให้กำลังใจเจ้าของเรื่องราวเหล่านี้ ที่ได้ออกมาบอกเล่าประสบการณ์ดังกล่าว ซึ่งมีส่วนให้กำลังใจแก่ผู้ที่กำลังต่อสู้กับโรคซึมเศร้านี้อยู่เช่นกัน และยังทำให้คนทั่วไปให้ความใส่ใจ รู้จักกับโรคดังกล่าวได้มากขึ้นอีกด้วย
ภาพจาก คุณ Jomtian Jansomrag