x close

อุทาหรณ์ เตือนอย่าเอาปากกาให้คนมีอาการชักกัด ปลอกอาจติดคอได้

เอาปากกาให้คนมีอาการชักกัด สุดท้ายปลอกติดในคอ

         อุทาหรณ์เตือนใจใครหลาย ๆ คน อย่าเอาปากกาให้คนมีอาการชักกัดเด็ดขาด เพราะสุดท้ายปลอกปากกาอาจร่วงเข้าไปในคอของผู้ป่วยได้

         วันที่ 16 พฤษภาคม 2559 ชาวโซเชียลแห่แชร์ "บันทึกที่เกือบต้องแลกด้วยชีวิต" ของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Patipan Rattanapakorn ที่โพสต์เล่าเรื่องประสบการณ์เฉียดตายของตนเอง ว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตนมีสอนวิชา  Algorithm ตั้งแต่เวลา 09.00 น. จนปิดคอร์สเมื่อเวลา 16.00 น. โดยเมื่อสอนเสร็จก็ตั้งใจไปร้านกาแฟกับกับน้อง ๆ ที่เพิ่งสอนไป แต่จู่ ๆ ตนเกิดอาการวูบไป และมารู้สึกตัวอีกครั้งก็อยู่ในห้อง ICU โรงพยาบาลเกษมราษฎร์แล้ว ตอนนั้นก็ได้แต่คิดว่า เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงวูบได้
         ต่อมา น้อง ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า ในจังหวะที่ตน "วูบ" ไปนั้น ได้ล้มหัวฟาดพื้นแล้วมีอาการแทรกซ้อนตามมา คือ ชักเกร็ง ทำให้หลาย ๆ คนในละแวกนั้นตกใจกลัวตนจะกัดลิ้นตัวเอง เลยหาอะไรมาให้ตนกัดไว้ก่อนที่รถโรงพยาบาลจะมา ซึ่งตนต้องขอบคุณทุก ๆ คนที่ช่วยเหลือมาก

         ทั้งนี้ ตอนที่ตนถูกพาขึ้นมายังห้องผู้ป่วยปกติพร้อมกับได้ยินหมอท่านหนึ่งบอกว่า โพแทสเซียมต่ำนะ มันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งในการชักเกร็งก็ได้ ซึ่งมีการทำการทดสอบกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ  ปรากฏว่าปกติดี ส่วนการผลการตรวจสมอง หัวใจ ก็ไม่มีอะไร แต่ตนกลับรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง คือ มีเสียงการสั่งน้ำมูกออกทางจมูกในร่างกายของตนเอง แล้วเสียงมันชัดเจนมากเมื่อหายใจเข้า ทำให้สงสัยว่าเป็นอาการแทรกซ้อนอะไรอีกหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร 

         เมื่อตื่นมาในเช้าของวันที่ 10 พฤษภาคม ตนก็รู้สึกถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน และพยายามคิดว่าเสียงที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะมาจากอะไร จนคิดได้ว่า น้องที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ตนมีอาการชัก ได้มีคนนำปากกามาให้ตนกัดไว้ เลยทำให้คิดว่า เสียงที่เกิดขึ้นคือเสียงของปลอกปากกาที่เข้าไปขัดอยู่ในตัวเราหรือเปล่า จึงตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้คุณหมอเจ้าของไข้ทราบ แต่คุณหมอแจ้งว่า ถ้าปลอกปากกาเข้าไปขัดอยู่ในหลอดลม เราคงไม่สามารถมานั่งคุยกันแบบนี้ พอได้ยินคำตอบก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่เสียงที่ผิดปกติก็ยังมีอยู่ จึงทำให้สงสัยต่อไปว่า นี่คือเสียงอะไร

         ซึ่งคุณหมอเจ้าของไข้ ได้แนะนำตรวจเช็กโดยการส่องหลอดลมส่วนบน ปรากฏว่า ไม่พบความผิดปกติอะไรในหลอดลม แต่เสียงแปลก ๆ ก็ยังอยู่ จึงให้หมอฟังเสียงที่เกิดขึ้นในตัว หมอก็ได้ยิน มันชัดเจนมากจนไม่ต้องใส่ Stethoscope ฟังก็ได้ยิน แต่หมอก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า "เสียงอะไร" แต่ตนก็สบายใจว่ามันไม่ใช่ปลอกปากกาตามที่หมอเจ้าของไข้บอกแน่นอน

         คุณ Patipan Rattanapakorn เล่าต่อว่า ตนตัดสินใจออกมาจากโรงพยาบาลในวันที่ 11 พฤษภาคม โดยหลังจากออกจากโรงพยาบาล ก็ตัดสินใจไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลธนบุรี พร้อมอธิบายความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายให้คุณหมอฟัง ซึ่งคุณหมอก็ได้ส่งตัวตนไปแผนกเฉพาะทาง หู คอ จมูก ทันที เพื่อตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้น และเมื่อตนได้พบกับ รศ. พญ.จีระสุข  จงกลวัฒนา ก็ได้เล่าอาการให้ฟังเช่นเดียวกัน โดยคุณหมอจีระสุข ได้ใช้ Stethoscope ฟัง และบอกว่ามีโอกาสสูงที่จะมีอะไรแปลกปลอมอยู่ในตัวของตน คณหมอจีระสุข จึงส่งตัวตนไปให้หมอเวรในแผนก หู คอ จมูก โรงพยาบาลศิริราช ช่วยตรวจอาการต่อ เนื่องจากโรงพยาบาลธนบุรีไม่มีเครื่อง Bronchoscope ที่สามารถส่องเข้าไปในตัวปอดได้

         ในวันที่ 12 พฤษภาคม หลังจากที่ตนนอนรอการถูกส่องปอดอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ปรากฏว่า ตอนเที่ยงมีพยาบาลมาแจ้งว่า ใกล้ถึงคิวเข้าห้องผ่าตัดแล้ว เนื่องจากว่าการส่องปอดรวมถึงการคีบวัตถุแปลกปลอมจากภายในร่างกายนั้น หลาย ๆ เคสต้องมีการวางยาสลบ

         และเมื่อตนฟื้นจากการผ่าตัด คุณหมอก็เข้ามาดูอาการ และนำถุงใส่ "ปลอกปากกา" มาให้ พร้อมบอกว่านี่คือสิ่งที่ติดอยู่ในปอดด้านขวาของตน นอกจากนี้ คุณหมอยังบอกอีกว่า ตนโชคดีมากที่ปลอกปากกาที่เข้าไปติดที่ปอดที่มีรู ทำให้สามารถหายใจผ่านปลอกปากกานี้ได้ จึงทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยในตลอด 3 วันที่ผ่านมา รวมถึงไม่เกิดอาการ "ปอดแฟบ" ซึ่งเกิดจากการที่ปอดไม่มีอากาศเข้าไปเลี้ยง

         จากนั้นในวันที่ 13 พฤษภาคมนั้น คณหมอจีระสุข ได้มาหาตนที่โรงพยาบาลศิริราชแล้วเตือนว่า "คนที่ตายเพราะชักยังน้อยกว่าคนที่ตายเพราะชักแล้ว มีคนเอาอะไรมายัดปากเสียอีก" ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ได้ข้อคิดว่า ต่อไปนี้ตนจะพักผ่อนและทานอาหารให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้เกิดอาการเช่นนี้อีก

         นอกจากนี้ เจ้าของเรื่องยังโพสต์ข้อความทิ้งไว้อีกว่า เมื่อพบผู้มีอาการชัก อย่านำอะไรใส่ปากให้กัด แต่ให้นอนตะแคงป้องกันการสำลักแทน เพราะการนำอะไรใส่ปากให้กัดอาจเป็นอันตรายยิ่งกว่าการเป็นชักเฉย ๆ ก็ได้

         ที่สำคัญตนอยากให้ทุกคนถือเรื่องราวของตนเป็นบทเรียนสำคัญ และคิดไว้เสมอว่า ถ้าเราไม่รักตัวเองแล้วใครจะรักเรา

ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Patipan Rattanapakorn

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อุทาหรณ์ เตือนอย่าเอาปากกาให้คนมีอาการชักกัด ปลอกอาจติดคอได้ อัปเดตล่าสุด 17 พฤษภาคม 2559 เวลา 09:16:17 5,120 อ่าน
TOP