ดูแลตัวเองอย่างไร...ห่างไกลโรคโลหิตจาง (Woman Story)
ลองสังเกตตัวเองดูบ้างว่า รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย มีอาการปวดศีรษะ ใจสั่น เบื่ออาหาร หายใจลำบาก แถมผิวพรรณก็ดูซีดเซียว ไม่มีน้ำมีนวล เพราะหากคุณมีอาการดังกล่าว นั่นแสดงว่าคุณมีอาการขั้นต้นของโรคโลหิตจาง
สาเหตุของอาการเหล่านั้น อาจเป็นเพราะร่างกายขาดธาตุเหล็ก ซึ่งถือว่า เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นในการสร้างฮีโมโกลบิน ที่ทำหน้าที่ในการนำออกซิเจนจากปอด ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของเซลล์ทั่วร่างกาย และช่วยนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปขจัดออกจากร่างกาย หากได้รับอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ หรือธาตุเหล็กที่ร่างการสะสมไว้ลดน้อยลง เม็ดเลือดแดงที่นำออกซิเจนไปให้ร่างกายใช้ได้ ก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย ทำให้ร่างกายมีอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไม่มีสมาธิ ผิวพรรณซีดเซียว และในที่สุดเกิดโรคโลหิตจาง
สำหรับคนที่เป็นโรคโลหิตจาง อย่างแรกที่ต้องทำเลยก็คือ ควรรู้จักวิธีการรับประทานอาหารอย่างถูกหลัก ซึ่งธาตุเหล็กนั้น จะมีอยู่ในอาหารที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ และอาหารทะเล อาหารในกลุ่มนี้มีธาตุเหล็กสูง และถูกดูดซึมได้โดยตรง ที่เยื่อบุลำไส้เล็ก ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที
นอกจากนี้ยังมีในผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง รวมทั้งถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ แต่อาหารเหล่านี้ จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ไม่ดีเท่ากับธาตุเหล็กที่มีอยู่ในเนื้อสัตว์ หากว่าได้รับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ บร็อกโคลี แล้วก็จะยิ่งช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น
อีกทั้งยังพบว่า พืชที่มีธาตุเหล็กสูง มักจะมีกรดโฟลิกสูงด้วย และเนื้อสัตว์นั้น นอกจากจะมีธาตุเหล็กแล้ว ยังให้วิตามินบี 12 อีกด้วย ซึ่งในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดงจากธาตุเหล็กนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยวิตามินบี 12 และกรดโฟลิก หากได้รับสารนี้ไม่เพียงพอ การสร้างเม็ดเลือดจะไม่สมบูรณ์ เม็ดเลือดแดงจะลดลง เกิดเซลล์เม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่ผิดปกติขึ้นแทน และอายุของเม็ดเลือดจะสั้นกว่าปกติ จนกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคโลหิตจางในที่สุด
แต่ถึงแม้ว่า เราจะรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กอย่างสมบูรณ์เพียงใดก็ตาม หากรับประทานร่วมกับอาหารบางประเภท ก็อาจจะมีผลไปยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กได้ เช่น แคลเซียมเม็ด เครื่องดื่มชา กาแฟ หรือพืชผักที่มีกากใยหรือมีไฟเตทสูง เป็นต้น
รู้กันแบบนี้แล้ว ก็ต้องหมั่นใส่ใจดูแลสุขภาพให้พร้อมเสมอด้วยนะคะ จะได้สุขภาพดี ปราศจากโรคภัย
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
