โรคหัดเยอรมัน ระบาดที่ญี่ปุ่น กระทรวงสาธารณสุข แนะฉีดวัคซีนป้องกันก่อนไป 2 สัปดาห์ ย้ำ ไม่ใช่โรคร้ายแรง ไม่ต้องตกใจ แต่สำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรเลี่ยงเดินทาง หวั่นติดเชื้อเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
โดย นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ในปีนี้พบผู้ป่วยโรคหัดเยอรมันในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงปัจจุบัน โดยจากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 24 ตุลาคม 2561 มีผู้ป่วยแล้ว 1,468 ราย ในภูมิภาคคันโต ประกอบด้วยเมืองโตเกียว คานากาวะ ชิบะ และไซตามะ แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ไทยไม่ได้ประกาศห้ามเดินทาง แต่หากจะไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคหัดเยอรมัน ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ คือ
1. ติดตามข้อมูลสถานการณ์และพื้นที่การระบาดของโรคหัดเยอรมัน ก่อนเดินทางและขณะเดินทางอย่างใกล้ชิด
2. ประชาชนที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน หรือไม่เคยป่วยเป็นโรคหัดเยอรมัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง
3. หญิงตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการป้องกันตนเองก่อนที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด และควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปยังพื้นที่ระบาดของโรคถ้าไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันหรือไม่เคยเป็นหัดเยอรมันมาก่อน
4. ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาด ควรสังเกตอาการและหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับหญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 9 เดือน หากมีอาการไข้ออกผื่นภายใน 21 วัน ควรไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทาง
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนไม่สบาย
- ไม่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีคนอยู่รวมกันเยอะ ๆ และอากาศไม่ถ่ายเท
- ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกจากที่พัก
- ล้างมือฟอกสบู่บ่อย ๆ หรือพกเจลล้างมือติดตัวไว้
- พยายามไม่นำมือไปสัมผัสตา จมูก ใบหน้า โดยไม่จำเป็น
เช่นเดียวกับเด็กอายุน้อยกว่า 9 เดือน ก็ไม่ควรเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด เนื่องจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันในประเทศไทยจะเริ่มฉีดเมื่อเด็กอายุ 9 เดือนเป็นต้นไป
กรมควบคุมโรค
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศเตือนคนไทยที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นให้ระมัดระวังโรคหัดเยอรมัน หลังพบโรคนี้กำลังระบาดในประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ไทยไม่ได้ประกาศห้ามเดินทาง แต่หากจะไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคหัดเยอรมัน ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ คือ
1. ติดตามข้อมูลสถานการณ์และพื้นที่การระบาดของโรคหัดเยอรมัน ก่อนเดินทางและขณะเดินทางอย่างใกล้ชิด
2. ประชาชนที่ยังไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน หรือไม่เคยป่วยเป็นโรคหัดเยอรมัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง
3. หญิงตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการป้องกันตนเองก่อนที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด และควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปยังพื้นที่ระบาดของโรคถ้าไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันหรือไม่เคยเป็นหัดเยอรมันมาก่อน
4. ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาด ควรสังเกตอาการและหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับหญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 9 เดือน หากมีอาการไข้ออกผื่นภายใน 21 วัน ควรไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทาง
ภาพจาก BT Image / Shutterstock.com
ทั้งนี้ โรคหัดเยอรมันเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง สามารถติดต่อกันได้ด้วยการไอ จาม หรือใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อ อาการสำคัญคือ มีไข้ร่วมกับมีผื่นแดง ๆ ขึ้นประมาณ 2-3 วัน ซึ่งไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรงนัก สำหรับคนทั่วไปที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินไป
แต่ทว่าโรคนี้จะเป็นอันตรายมากกับหญิงตั้งครรภ์ เพราะหากติดเชื้อ เด็กในครรภ์อาจมีภาวะพิการแต่กำเนิด หูหนวก ตาเป็นต้อกระจก เป็นโรคหัวใจแต่กำเนิด มีภาวะผิดปกติทางสมอง และอวัยวะภายในได้รับความเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม หญิงตั้งครรภ์ไม่สามารถรับวัคซีนได้เพราะวัคซีนเป็นอันตรายกับเด็กในครรภ์ ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น คือ
- ไม่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีคนอยู่รวมกันเยอะ ๆ และอากาศไม่ถ่ายเท
- ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกจากที่พัก
- ล้างมือฟอกสบู่บ่อย ๆ หรือพกเจลล้างมือติดตัวไว้
- พยายามไม่นำมือไปสัมผัสตา จมูก ใบหน้า โดยไม่จำเป็น
เช่นเดียวกับเด็กอายุน้อยกว่า 9 เดือน ก็ไม่ควรเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด เนื่องจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมันในประเทศไทยจะเริ่มฉีดเมื่อเด็กอายุ 9 เดือนเป็นต้นไป
ในส่วนของนักเดินทางชาวไทยทั่วไป ให้ตรวจสอบว่าตนเองเคยได้รับวัคซีนป้องกันหัดเยอรมันครบ 2 เข็ม หลังจากอายุ 1 ขวบหรือไม่ หากไม่มั่นใจ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและรับวัคซีนเพิ่มเติม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค