"กัญชา" กลายมาเป็นหัวข้อใหญ่ที่ถูกยกขึ้นมาถกเถียง เกี่ยวกับการปลดล็อก ให้สามารถใช้กัญชาในเชิงทางการแพทย์ของไทย ซึ่งก่อนหน้านี้หลายประเทศจากทั่วโลก เปิดโอกาสอนุญาตให้ใช้สารสกัดจากกัญชาเพื่อรักษาโรคได้แล้ว
แต่ในทางกฎหมายไทยระบุถึงกัญชาว่า "กัญชา" มีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ เตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ซึ่งมีฤทธิ์ต่อสมอง ควบคุมความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของผู้เสพ ทำให้ผู้เสพมีอาการคล้ายเมาเหล้า เมื่อเสพปริมาณที่มากขึ้น ทำให้ความคิดอ่านช้า สับสน ประสาทหลอน โดยเฉพาะการเสพกัญชาด้วยการสูบเพียง 4 มวน เท่ากับสูบบุหรี่ 20 มวน (1 ซอง) เสี่ยงเป็นมะเร็งปอดมากกว่าสูบบุหรี่ถึง 5 เท่า
"กัญชา" ไม่มีหน่วยวัดมาตรฐาน เพราะมีการตัดแต่งพันธุกรรม ตัดแต่งสายพันธุ์เพื่อให้ตรงตามความต้องการของนักสูบ เราไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองกำลังสูบอะไรอยู่ และสูบในปริมาณที่อันตรายหรือไม่ เพราะรัฐไม่มีการควบคุมปริมาณ ดังนั้นต้องมีการปลดล็อกกฎหมาย ถึงจะสามารถหาข้อกำหนดมาได้ว่า สูบเท่าไร เมาเท่าไร ซึ่งจะเหมือนกับการใช้แอลกอฮอล์ ที่กฎหมายสามารถกำหนดได้ว่าควรดื่มได้ไม่เกินเท่าไร
กราฟข้างล่าง เป็นข้อมูลจากการศึกษาของ นายเดวิด จอห์น นัตต์ นักประสาทวิทยาชาวอังกฤษที่เชี่ยวชาญ ด้านการวิจัยเกี่ยวกับยาเสพติดที่ส่งผลต่อสมองและสภาวะ โดยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยบริสตัส สหราชอาณาจักร พบว่า การใช้กัญชามีผลทำให้เสพติด และมีอัตราความอันตรายต่อร่างกายน้อยกว่าสารเสพติดอื่น ๆ เช่น เฮโรอีน โคเคน ยาบ้า หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในขณะที่กัญชาทำให้เคลิบเคลิ้ม แต่แอลกอฮอล์ เปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นนักเลง หรือคนคลั่งหลังพวงมาลัยรถยนต์ ซึ่งมีแนวโน้มในการก่ออาชญากรรมสูงกว่า
แม้จะมีผลการวิจัยอย่างไร แต่ไม่ว่ายาเสพติดชนิดไหนก็อันตราย เมื่อถูกผลิตแบบไม่ได้มาตรฐาน และใช้โดยคนที่ไม่มีความรู้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก medicalnewstoday.com_1, medicalnewstoday.com_2, ias.org.uk, nytimes.com, vox.com, สารคดีช่อง Netflix เรื่อง ไขประเด็น ตอน กัญชา
แม้จะมีผลการวิจัยอย่างไร แต่ไม่ว่ายาเสพติดชนิดไหนก็อันตราย เมื่อถูกผลิตแบบไม่ได้มาตรฐาน และใช้โดยคนที่ไม่มีความรู้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก medicalnewstoday.com_1, medicalnewstoday.com_2, ias.org.uk, nytimes.com, vox.com, สารคดีช่อง Netflix เรื่อง ไขประเด็น ตอน กัญชา