x close

แนะสูตรปรุงบาร์บีคิว เลี่ยงผิวเหี่ยวย่น

 
บาร์บีคิว

แนะสูตรปรุงบาร์บีคิวเลี่ยงผิวเหี่ยวย่น (ไทยโพสต์)


          ของกินจำพวกปิ้ง ย่าง ทอด ทำให้ผิวแลดูเหี่ยวย่น เพราะในบาร์บีคิวมีสารที่เรียกว่า เอจ เป็นตัวการทำลายความอ่อนเยาว์ของผิว

          ทั้งนี้ ดร.อานาสเตเซีย คาลี แห่งมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน บอกว่า เอจ หรือ AFEs-Advanced Glycation End products เป็นสารประกอบ ซึ่งถ้ามีมากก็จะเร่งกระบวนการชราภาพ โดยพบสารนี้ในปริมาณมากอยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่มีไขมันและโปรตีนสูง ยิ่งถ้าอาหารพวกนี้ถูกปรุงด้วยความร้อนสูงก็จะยิ่งมีสารดังกล่าวมากขึ้นไปอีก

          ดร.อานาสเตเซีย บอกด้วยว่า การปรุงอาหารด้วยความร้อน เช่น ย่าง ทอด และปิ้งแบบบาร์บีคิว จะทำให้เกิดเอจมากกว่าวิธีต้มหรืออบ เช่น ถ้าอบเนื้อไก่ด้วยไมโครเวฟ จะมีเอจเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ถ้านำไปย่างจะเกิดเอจมากขึ้นถึง 4 เท่า ยิ่งใช้ความร้อนสูง และยิ่งใช้เวลานาน ก็จะยิ่งเกิดเอจ ซึ่งเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว เอจจะถูกดูดซับเข้าร่างกาย หากมีมากเกินไป สารชนิดนี้จะไปทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เนื่องจากมันจะไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งช่วยให้ผิวหนังแลดูอ่อนเยาว์

          ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่ช่วยทำให้อาหารไม่กลายเป็นตัวการทำให้คนเราแลดูแก่เกินวัย


บาร์บีคิว

หมักเนื้อในน้ำซอส

          นักวิจัยพบว่า ของเหลวที่เป็นกรดช่วยหยุดยั้งการเกิดสารเอจได้ โดยจากการทดสอบ เนื้อที่หมักซอสเป็นเวลา 1 ชั่วโมงจะเกิดเอจในปริมาณไม่ถึงครึ่งหนึ่งเมื่อนำไปปรุงอาหารเมื่อเทียบกับเนื้อที่ไม่ได้หมัก

          เคล็ดลับ : คลุกเคล้ากระเทียม, เกลือ, พริกไทย, ซอสวอร์เซสเตอร์เชียร์ (Worcestershire Sauce), น้ำมะนาว, ไวน์แดง, น้ำส้มสายชูหมักจากไวน์แดง และน้ำมันมะกอกเล็กน้อย แล้วนำผัก, เนื้อ หรือปลาลงไปหมักทิ้งไว้ข้ามคืน

ปลาอบในฟอยล์

          การอบในห่อฟอยล์เป็นการปกปิดอาหาร โดยให้น้ำในอาหารนั้นเองเป็นตัวอบให้อาหารสุก

          เคล็ดลับ : นำปลาแซลมอน, ขิงสับ, น้ำมะนาว, ไวน์ขาวเล็กน้อย, น้ำมันมะกอก, ผักชี, พริกแดงหั่น, ต้นตะไคร้ ห่อไว้ในฟอยล์ อบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที หรือจะนำห่อนั้นไปย่างบาร์บีคิวก็ได้

ใช้ความร้อนแต่น้อย

          นักวิจัยพบว่า ไข่ที่ปรุงด้วยความร้อนปานกลางจะทำให้เกิดสารเอจราวครึ่งหนึ่งของไข่ที่ปรุงด้วยความร้อนสูง การทอดหรือการปิ้งก็ให้ผลในทำนองเดียวกัน

          เคล็ดลับ : ใส่ขาแกะลงในชามอบ เติมหัวหอมหั่น, กระเทียม, แครอทซอย, ไวน์ขาวหนึ่งถ้วย และน้ำสต็อกลงไป แล้วอบด้วยความร้อน 120 องศาเซลเซียส นาน 7 ชั่วโมง

ลวก ตุ๋น อบ

          วิธีปรุงอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดสารเอจน้อยกว่าการย่าง ปิ้ง ทอด หรือคั่ว การลวกเหมาะสำหรับเนื้อไก่กับเนื้อหมู ขณะที่การตุ๋นเหมาะสำหรับเนื้อวัวกับเนื้อแกะ

          เคล็ดลับ : ลวกสเต๊กหมูในน้ำนม ใส่เครื่องเทศเซจ, พริกไทยเม็ด, กลีบกระเทียม และผิวของผลเลมอน จากนั้นนำเครื่องปรุงทั้งหมดและหมูไปอบนาน 15 นาที หรือจนกว่าจะสุกดี

เติมน้ำ หรือน้ำสต็อก

          น้ำช่วยลดปริมาณสารเอจได้ เพราะน้ำช่วยลดอุณหภูมิ และทำให้อาหารสุกด้วยไอน้ำ หรือจะใช้วิธีลวกแทนการใช้ความร้อนโดยตรงก็ได้

          เคล็ดลับ : ลวกกุ้งหรือไก่ในน้ำสต็อก แล้วนำลงไปคนในกระทะแบน เพื่อจะได้ไม่ต้องให้อาหารรับความร้อนในกระทะเป็นเวลานาน เมื่อใส่ผักลงในกระทะแล้ว เติมน้ำหรือน้ำสต็อกลงไปสักหนึ่งช้อนชา ปิดฝา แล้วยกกระทะออกจากเตาไฟ วิธีนี้จะเป็นการลวกผักให้สุกแต่ยังคงเคี้ยวกรอบ จากนั้นใส่ไก่หรือกุ้งลงไป

ลดน้ำตาล เพิ่มผัก

          ดร.นิโคลัส เพอร์ริโคน บอกในหนังสือของเขา ชื่อ Ageless Face, Ageless Mind ว่า น้ำตาลจากอาหารที่มีความหวาน หรือคาร์โบไฮเดรตจะจับตัวกับโปรตีนในร่างกาย ทำให้เกิดสารเอจ ส่วนพืชผักนั้นอุดมด้วยสารแอนติออกซิแดนต์ ซึ่งจะช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากสารเอจ ดังนั้นจงกินผักให้มาก ๆ

          เคล็ดลับ : ถ้ากินสเต๊กย่างจนเกรียม ควรกินร่วมกับสลัดผักต่าง ๆ เช่น บร็อกโคลี ใบผักขม บีทรูต และมะเขือเทศ


  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย 

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

 




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แนะสูตรปรุงบาร์บีคิว เลี่ยงผิวเหี่ยวย่น อัปเดตล่าสุด 28 พฤศจิกายน 2556 เวลา 17:14:01
TOP