x close

แพทย์เผยเหตุกราดยิงในสหรัฐฯ เกิดจากจิตป่วย ชี้ไทยติดกลุ่มเสี่ยง







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก MANDEL NGAN/AFP , EMMANUEL DUNAND/AFP

           แพทย์ เผย อาการจิตป่วยทำให้คนเลือกฆ่าคน เพื่อเป็นแผลกลบใจ คนไทยเองก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เหตุเนื่องจากความเครียดจากสภาวะแวดล้อม หวั่นเป็นภัยร้าย

           หลังจากที่เกิดเหตุชายอเมริกันคนหนึ่ง คว้าปืนไปบุกยิงนักเรียนชั้นประถมและผู้ใหญ่ จนเสียชีวิต 27 ศพ ในรัฐคอนเนคติคัส สหรัฐอเมริกา จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีครอบครัวผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง คือ นายรอบบี้ ปาร์คเกอร์ ที่พูดถึงลูกสาววัย 6 ขวบ เอมิลี่ ที่เสียชีวิต ว่า ลูกสาวเปรียบเสมือนแสงสว่างให้กับเขาและภรรยา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน และยังไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายฝ่ายเป็นกังวลในเรื่องนี้  ซึ่งล่าสุด ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้ให้คำแนะนำ เพื่อเป็นแนวทางสังเกตคนใกล้ตัว ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมาอีก


           ทั้งนี้ นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า คนในโลกนี้มีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก ที่รู้สึกยินดีเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป อาจมีเฉย ๆ บ้าง และคนกลุ่มที่สอง ที่อยากให้วันเวลาผ่านไปเร็ว ๆ เพราะรู้สึกว่าชีวิตสิ้นหวัง จะอยู่หรือตายก็ไม่ต่าง ซึ่งคนกลุ่มที่ 2 นั้นน่ากลัว ว่าจะเป็นอาการของ ซึมเศร้าแฝง ที่อาจกระตุ้นให้คนทำร้ายตัวเองหรือคนอื่น และบ้านเมืองเรา มีคนที่เครียดจากสภาพแวดล้อมในสังคมมาก หากเป็นมาก ๆ ก็จะซึมเศร้า หดหู่ ก้าวร้าว หรือป่วยด้วยปมแค้นสังคม อยากแก้แค้นแต่ทำร้ายใครไม่ได้ จึงลงโทษตัวเองแทน เช่น อดอาหาร ไม่ไปทำงาน หากมีความก้าวร้าวและชอบความรุนแรงแล้ว คน ๆ นั้นจะอันตรายมาก เพราะจะมีแรงขับให้ลุกขึ้นมาทำร้ายคนที่ไม่รู้จักเพื่อความสะใจ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต จึงอยากให้เข้าใจและจะได้ไม่ประมาท

           นอกจากนี้  นพ.กฤษดา ยังกล่าวว่า หลายคนอาจจะชอบเรื่องความรุนแรง เพราะมันสนองสัญชาตญาณดิบส่วนลึกในสมอง โดยสมองส่วนนี้จะถูกกดไว้ด้วยส่วนที่เป็นเหตุผล ดังนั้น หากจะบอกว่า ความโหดร้ายคือเรื่องธรรมดาย่อมไม่ใช่แน่นอน แต่คนที่จะทำเรื่องเลวร้าย เป็นเพราะจิตสั่ง คน ๆ นั้นอาจจะลุกขึ้นมาฆ่าคน ทั้ง ๆ ที่บุคลิกเรียบร้อย ไม่พูดไม่จาก็ได้ อีกอย่างที่เราจะเห็นได้คือ มนุษย์นิยมความรุนแรงมากกว่า การที่ข่าวฆาตกรรมหน้า 1 เป็นเรื่องที่คนชอบมากกว่า จึงไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่ความผิดหากจะชอบ แต่หากอยากเป็นคนร้ายเสียเอง จะเลวร้ายกว่า

เทคนิคการสังเหตุคนที่เข้าข่ายสุ่มเสี่ยง นพ.กฤษดา  แนะนำดังนี้

           1. คนมีปม คนทุกคนย่อมมีปมด้วยกันทั้งนั้น แต่คนที่ลุกขึ้นมาสร้างความรุนแรงได้ ก็แสดงว่า ปมนั้นไม่ธรรมดา บางคนอาจจะมีปมมาจากที่บ้านมาแล้ว เช่น ถูกทอดทิ้ง เฆี่ยนตี บางคนอาจจะถูกล้อแบบจี้ใจดำ เรื่องหน้าตา เชื้อชาติ นิสัย หรือถูกแกล้งอย่างรุนแรง ทำให้คนนั้น มีแผลในใจอย่างที่ปล่อยวางไม่ได้

           2. คนนั้นจะมีลักษณะเก็บกด คน ๆ นั้นจะมีปมที่แก้ไม่ได้ก็จะเก็บกด และเข้าสู่กระบวนการปกป้องตัวเอง เป็นกลไกช่วยรักษาหัวใจไม่ให้ทุกข์กับโลกแห่งความเป็นจริง บางคนอาจจะแสดงออกในทางที่ไม่ดี เช่น พูดหยาบคาย ทำร้ายสัตว์ เด็ก หรือคนที่อ่อนแอกว่า เพราะคิดว่า หากได้แก้แค้นสังคมก็คงดี แต่บางคนอาจจะหาทางระบายออกได้ถูก เช่น เลี้ยงสัตว์ หรือออกกำลังกาย

           3.ครอบครัวหดหู่หรือแตกแยก เช่น มีคนในบ้านติดยาเสพติด พ่อแม่ทะเลาะกัน มีปัญหาเศรษฐกิจในบ้านจนชีวิตลำบาก ส่งผลทำร้ายจิตใจสมาชิกในครอบครัวแบบซึมลึกไปเรื่อย ๆ นั่งกินข้าวก็เครียด พอคุยกันก็เหมือนทะเลาะกัน อยู่นอกบ้านสบายใจกว่า หากเป็นเช่นนี้ อาจมีสมาชิกคนใดในบ้านเข้าข่ายอาการซึมเศร้า และพยายามระบายออกเช่น แกล้งเพื่อน หรือหากเป็นผู้ใหญ่ก็ควงปืนสังหารหมู่ก็ได้

           4. มีแรงกดดัน ปกติเมื่อคนเรามีแรงกดดัน ย่อมจะลุกขึ้นมาต่อสู้กับอุปสรรค แต่คนที่มีความกดดันนั้น จะมีพลังดิบข้างในมากกว่าคนทั่วไป อาจจะมาจากรรมพันธ์ เหมือนดิบมาจากในดีเอ็นเอ แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างทั้งหมด เพราะอีกปัจจัยหนึ่งคือ สิ่งแวดล้อมรอบตัว หากสิ่งแวดล้อมรอบตัวทำใหคนนั้นกดดัน ก็อาจเป็นปุ๋ยชั้นดีเร่งให้คนนั้นแสดงปฏิกิริยารุนแรง

           ส่วนวิธีการแก้นั้น ขอให้ทุกคนใช้ความรักความเมตตาเข้าช่วย หรืออาจจะหากิจกรรมสร้างสรรค์ทำ เช่น อ่านหนังสือ เปลี่ยนบ้าน และใช้เราสอนด้วยการกระทำ เพื่อให้คนอื่นดูเป็นตัวอย่าง




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แพทย์เผยเหตุกราดยิงในสหรัฐฯ เกิดจากจิตป่วย ชี้ไทยติดกลุ่มเสี่ยง อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2555 เวลา 16:55:39
TOP