สุขภาพดี...ด้วยดีท็อกซ์ (สวยด้วยแพทย์)
เอ่ย ถึง "ดีท็อกซ์ (DETOX)" คุ้นหูกันใช่ไหม มีอยู่ช่วงหนึ่งคำนี้ฮิตสุด ๆ ถึงตอนนี้ก็เชื่อว่ายังไม่เสื่อมคลาย มนต์ขลังในหมู่คนรักสุขภาพ เพราะดีท็อกซ์เป็นหนึ่งในวิธีธรรมชาติบำบัดที่ส่ง ผลดีต่อสุขภาพของคนเราค่ะ
สงสัยกันล่ะสิว่า ดีท็อกซ์ หรือการสวนล้างลำไส้ ทำไปเพื่ออะไร
การดีท็อกซ์ก็เพื่อขจัดสารพิษออกจากร่างกายนั่นเอง เนื่องจากอาหารที่เรารับประทาน ประเภทที่มีเส้นใยน้อยหรือไม่มีเส้นใย เช่น เนื้อสัตว์ ไขมัน และแป้งขัดขาว เมื่อผ่านการย่อยสลายจะกลายสภาพเป็นเหนียวหนับ เคลื่อนผ่านลำไส้ใหญ่ไปได้ลำบากและเกาะติดผนังลำไส้ แม้จะถ่ายอุจจาระทุกวันก็ไม่สามารถขจัดสิ่งดังกล่าวออกไปได้หมด ทำให้เป็นแหล่งเพาะแบคทีเรีย เกิดการบูดเน่าหมักหมม และเกิดสารพิษที่เป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆ เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ปวดถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก ท้องเสียบ่อย ๆ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ผายลมบ่อย หรือโรคที่เกี่ยวภูมิต้านทาน เช่น ถูมิแพ้ ลมพิษ ผื่นคัน หอบหืด รูมาตอยด์ เป็นต้น
แม้แต่ป่วยอัมพาต อัมพฤกษ์ ที่มีปัญหาขับถ่ายและผู้สูงอายุที่มักมีอาการท้องผูกเรื้อรัง ทำให้เสี่ยงที่จะเกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง ริดสีดวงทวาร ปวดข้อปวดกระดูก โรคเกาต์ ฯลฯ ก็สามารถบำบัดรักษาด้วยการทำดีท็อกซ์ค่ะ
โดยทั่วไป การดีท็อกซ์มี 2 วิธี ดังนี้
ดีท็อกซ์แบบล้างลำไส้ระดับล่าง ด้วยกาแฟ หรือสมุนไพร (ใช้น้ำ 5 ลิตร) ซึ่งเป็นการสวนล้างลำไส้ระดับล่างในช่วง 30 เซนติเมตรสุดท้ายของลำไส้
ดีท็อกซ์แบบล้างลำไส้ส่วนบน ด้วยน้ำเกลือแร่ หรือกาแฟ (ใช้น้ำ 25 ลิตร) เป็นการล้างลำไส้ใหญ่ทั้งหมดที่ยาว 150 ซม. ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมปฏิบัติกันมากที่สุด
ผู้ที่จะทำดีท็อกซ์แบบล้างลำไส้ส่วนบนควรมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป สำหรับคนที่สุขภาพปกติ ควรทำปีละ 2-3 ครั้ง ส่วนผู้ที่ท้องผูกหรือมีปัญหาสุขภาพต่าง ๆ อาจต้องทำบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งจะพิจารณาเป็นกรณีไป
ในการทำดีท็อกซ์จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพที่เรียกว่า เครื่องล้างลำไส้ (COLONIC) ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิปริมาณ และการไหลของน้ำ ส่วนขั้นตอนการเตรียมและการปฏิบัติจะทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ผู้มารับบริการไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวใด ๆ ไม่ต้องงดอาหารหรือกินยาระบายมาก่อน ระหว่างการทำไม่ต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ
ขั้นตอนการทำดีท็อกซ์ด้วยเครื่องล้างไส้จะใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที วิธีการคือ แพทย์จะสอดหลอดสวนเข้าทางทวารหนักอย่างนุ่มนวล ลึกเพียง 2 นิ้ว เปิดให้น้ำอุ่นไหลเข้าลำไส้ช้า ๆ ระหว่างนั้นจะทำการนวดหน้าท้องไปด้วย เพื่อเคลื่อนไหวให้ตะกรันที่จับคราบไว้หลุดออกจากผนังลำไส้
แรก ๆ อาจจะรู้สึกอยากถ่าย ให้ถ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องกลั้น น้ำและของเสียจะไหลออกทางทวารผ่านข้าง ๆ หลอดสวนโดยไม่ต้องถอดหลอดสวนและไม่ต้องลุกออกจากเตียง เมื่อถ่ายจนหมดแพทย์จะปล่อยให้น้ำเข้าไปอีก ทำซ้ำจนน้ำในเครื่องหมด เมื่อน้ำหมดถัง 25 ลิตรแล้ว แพทย์จะทำการถอดสายสวนออก ให้ถ่ายจนเกลี้ยงก่อนทำความสะอาดร่างกายถือเป็นการสิ้นสุดการทำ
หลังการทำดีท็อกซ์ คนไข้จะไม่มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรืออ่อนเพลียเนื่องจากการสูญเสียเกลือแร่ เพราะแพทย์ได้ผสมน้ำยาเกลือแร่ลงไปในน้ำที่ผสมให้แต่แรกแล้ว ดังนั้น คนไข้สามารถกลับบ้านได้ทันทีหรือไปทำงานต่อได้โดยไม่ต้องนอนพัก ส่วนอาหารสามารถรับประทานได้ตามปกติ เพียงแต่ให้ดื่มน้ำมากขึ้นเท่านั้น
การทำดีท็อกซ์ด้วยเครื่องล้างลำใส้ที่นำเสนอไปข้างต้น ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพสูงสุด ท่านใดสนใจลองสอบถามรายละเอียดได้โดยตรงจากโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือล้างลำไส้นะค่ะ
เดือนแห่งความรักทั้งทีมา "รัก" สุขภาพด้วยการล้างพิษออกจากร่ายกายกันเถอะค่ะ
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสารสวยด้วยแพทย์
