x close

สธ. ห่วงสังคมไทยคุ้นชินคำพูดแรง หวั่น นำไปสู่พฤติกรรมรุนแรงได้


ดุสิตโพล เผยคน กทม. เชื่อ กปปส. ปิดกรุงเทพฯ ทำการเมืองเปลี่ยน


กรมสุขภาพจิต หวั่นสังคมไทย คุ้นชินกับการใช้คำพูดรุนแรงที่อาจนำไปสู่พฤติกรรมรุนแรงได้ (กรมสุขภาพจิต)
 
          กรมสุขภาพจิตห่วงสังคมไทยกำลังคุ้นชินกับคำพูดที่รุนแรง มองเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว หลังรับข่าวสารด้านการเมืองตลอดหลายเดือน หวั่น อาจนำไปสู่พฤติกรรมรุนแรงได้

          นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2557 ว่า จากการลงพื้นที่สำรวจภาวะสุขภาพจิตของประชาชนต่อสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 17-19 มกราคมที่ผ่านมา จำนวน 308 ราย ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งผู้ที่เคยเข้าร่วมชุมนุมและไม่เคยเข้าร่วมชุมนุม พบว่า...

          ในภาพรวม ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 78.60 มีความเครียดน้อย ขณะที่ประชาชนร้อยละ 7.40 มีความเครียดอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด ซึ่งผู้ที่เคยเข้าร่วมชุมนุมยังคงมีความเครียดมากกว่าผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุม และสาเหตุของความเครียดอันดับ 1 มาจากการเดินทาง รองลงมา คือ การรับข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ และการได้รับฟังคำพูดที่รุนแรง

          อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า จากการสอบถามถึงสื่อและระยะเวลาในการรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง พบว่า ประชาชน ร้อยละ 93.80 รับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตมากที่สุด รองลงมา คือ สื่อวิทยุ คิดเป็นร้อยละ 71.80 โดยส่วนใหญ่เปิดรับข้อมูลข่าวสารทางการเมืองวันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละ 42.50 รองลงมา เปิดรับ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 39.00 ตามลำดับ

          สำหรับสิ่งที่น่าสนใจจากการสำรวจในครั้งนี้ นพ.เจษฎา ระบุว่า คือ ความรู้สึกของประชาชนต่อการใช้คำพูดรุนแรงและมีเจตนาให้เกิดความเกลียดชัง พบว่า ประชาชนเกินครึ่ง ร้อยละ 53.20 รู้สึกไม่ชอบฟังแล้วเครียด รองลงมา ร้อยละ 25.30 มีความรู้สึกเฉย ๆ และรู้สึกว่าสะใจดี

          ทั้งนี้ เมื่อสอบถามถึงความคิดเห็นที่มีต่อการใช้คำพูดรุนแรง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ร้อยละ 76.60 รองลงมาเห็นว่าเป็นการใช้คำพูดหยาบคาย แม้จะเกลียดกันแต่ก็ไม่ควรพูดเช่นนั้น ร้อยละ 59.10

          ขณะที่ร้อยละ 57.50 เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการแสดงออกถึงความเกลียดชังฝ่ายตรงข้าม ร้อยละ 51.30 เห็นว่าเป็นการนำไปสู่ความรุนแรงหรือกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงได้ ส่วนร้อยละ 51.00 และเห็นว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นของบุคคลในระบอบประชาธิปไตยตลอดจนเป็นการกระตุ้นอารมณ์โกรธและปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกได้


พ.ร.บ.ความมั่นคง


          จากผลสำรวจดังกล่าว นพ.เจษฎา มองว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงสำหรับสังคมไทยที่ประชาชนเกินครึ่งเห็นว่าการใช้คำพูดที่รุนแรงเป็นเรื่องธรรมดาของการแสดงออกถึงความเกลียดชังฝ่ายตรงข้าม เพราะเป็นสัญญาณที่เริ่มบ่งบอกว่าสังคมไทยเริ่มคุ้นชินกับการใช้คำพูดที่รุนแรงซึ่งมีแนวโน้มไปสู่พฤติกรรมที่รุนแรงมากขึ้นได้

          การใช้คำพูดที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อบุคคล 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่

          คนพูด คนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคนพูดและคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้าง อาทิ เด็กและเยาวชน ซึ่งจะเกิดการเรียนรู้และเลียนแบบจากความคุ้นชินในการใช้คำพูดที่รุนแรงซึ่งอาจขยายความเกลียดชังเป็นวงกว้างและเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะคุ้นชินต่อการใช้คำพูดรุนแรงโดยไม่รู้ตัว เสี่ยงต่อการมีปัญหาทางอารมณ์และการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นในอนาคต ส่งผลให้เป็นคนรุ่นใหม่ที่เสี่ยงจะใช้พฤติกรรมรุนแรง

          คนที่รับฟังมากเกินไปก็จะส่งผลให้เครียดและกังวลสูง

          ในระดับสังคม การใช้คำพูดที่รุนแรงจะสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรุนแรง เกลียดชังฝ่ายที่คิดต่าง ส่งผลให้ความเอื้ออาทรต่อกันในสังคมอ่อนแอลง เกิดความเปราะบางในสังคม คนในสังคมมีความเครียดกังวล สังคมขาดความสุข

          ดังนั้น จึงควรมีสติ รับฟังข้อมูลอย่างไตรตรอง นึกถึงผลกระทบของการใช้คำพูดรุนแรง เพราะการให้ข้อมูลความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดที่รุนแรงสร้างความเกลียดชัง ซึ่งเมื่อใช้จะยิ่งไปกระตุ้นและยั่วยุให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นไปอีก



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สธ. ห่วงสังคมไทยคุ้นชินคำพูดแรง หวั่น นำไปสู่พฤติกรรมรุนแรงได้ อัปเดตล่าสุด 22 มกราคม 2557 เวลา 17:53:12
TOP