กรมการแพทย์ แนะประชาชนดูแลสุขภาพ ห่างไกลจากโรคไต (กรมการแพทย์)
อธิบดีกรมการแพทย์ชี้คนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังเพิ่มสูงขึ้น เตือนประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงหันมาดูแลสุขภาพเพื่อหลีกเลี่ยงจากโรคไต
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สมาคมโรคไตนานาชาติได้กำหนดให้ทุกวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนมีนาคมเป็นวันไตโลก ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 13 มีนาคม 2557 กรมการแพทย์จึงมีความห่วงใยประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์โรคไตในปัจจุบัน เนื่องจากโรคไตเรื้อรังเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาดผู้ป่วยมักมีภาวะแทรกซ้อนทางร่างกายอย่างรุนแรง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ไตเกิดความผิดปกติเกิดจาก โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคพันธุกรรมทางไต หรือการใช้ยามากเกินปริมาณที่กำหนด โดยเฉพาะยาที่เป็นพิษต่อไต ประเภทยาแก้ปวดข้อ ยาคลายกล้ามเนื้อ
โดยอาการแสดงของโรคที่พบได้คือ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขัด บวมที่หน้า เท้า ปวดหลัง ปวดเอว เบื่ออาหาร คลื่นไส้และความดันโลหิตสูง ทางการแพทย์ได้แบ่งขั้นตอนในการรักษาโรคไตออกเป็น 4 ระดับ คือ
1. ผู้ป่วยต้องได้รับการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นของโรค ซึ่งจะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
2. การรักษาที่สาเหตุของโรค เช่น การหยุดยาซึ่งเป็นพิษต่อไต การควบคุมโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง
3. การรักษาเพื่อชะลอความเสื่อมของไต ได้แก่ การควบคุมอาหารให้เหมาะกับการทำงานของไตที่เหลืออยู่ การใช้ยาเพื่อช่วยปรับสารต่าง ๆ ที่เป็นพิษต่อไต
4. การล้างไตและการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เมื่อไตวายมากขึ้นจนเข้าระยะสุดท้าย ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาด้วยการล้างไต หรือการผ่าตัดปลูกถ่ายไต โดยการล้างไต มี 2 วิธี คือ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการล้างไตทางช่องท้อง ซึ่งพบว่าผลการรักษาทั้ง 2 วิธีได้ผลใกล้เคียงกัน
ดังนั้นเพื่อเป็นการลดอัตราผู้ป่วยโรคไตให้น้อยลง จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพให้แข็งแรงดังนี้
ปรับพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง งดอาหารรสเค็มจัด
ควรดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว
หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ
ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนเกินมาตรฐาน เพราะอาจเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไตได้
หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวด ยาชุด โดยไม่ปรึกษาแพทย์
งดบุหรี่
งดดื่มสุรา
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมการแพทย์