x close

อาการแบบไหน ต้องสงสัยติดเชื้อแคนดิด้าในช่องคลอด



ติดเชื้อแคนดิด้า


การรักษาการติดเชื้อแคนดิด้า (อาหาร & สุขภาพ)
โดย Tess Dingle

          ยีสต์แคนดิด้าที่เจริญเติบโตมากเกินไปทำให้เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์หลายอย่าง Tess Dingle จะมาอธิบายให้ฟัง และบอกวิธีแก้ไขความเสียหายที่เกิดจากมัน

          คุณอาจทราบมาก่อนแล้วว่าการเจริญของเชื้อ Candida albicans ที่มากเกินไปทำให้เกิดอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอด ต่อไปนี้คือสาเหตุที่ทำให้เป็นและจะรักษาหรือป้องกันได้อย่างไร

          C. albicans อาศัยอยู่ในร่างกายของเรา ในสภาวะปกติ มันมีหน้าที่สำคัญในการช่วยการทำงานของภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อสมดุลของจุลชีพที่อยู่ในลำไส้เล็กเกิดปั่นป่วนและแคนดิด้าเพิ่มจำนวนมากขึ้น รูปแบบการเจริญของมันก็เปลี่ยนไปแล้วรูปแบบกลายมาเป็นเส้นใยแบบเชื้อรา แล้วเจริญแทรกเยื่อ

คุณติดเชื้อแคนดิด้าหรือไม่?

          หากคุณมีอาการดังที่กล่าวต่อไปนี้ ก็อาจเกิดจากการมีเชื้อแคนดิด้าเติบโตมากเกินไป

          ระบบทางเดินอาหาร : ปวดท้อง, ท้องผูก/ท้องเสีย, ท้องอืด, มีแก๊สในกระเพาะ, คันที่ทวารหนัก, อยากของหวาน ๆ แอลกอฮอล์ หรือคาร์โบไฮเดรต, มีคราบสีเหลือง-ขาวบนลิ้นหรือด้านในปาก

          ผิวหนัง : คัน, ติดเชื้อ, เรื้อกวาง, สะเก็ดเงิน, สิว, แผลหายช้า, ติดเชื้อราใต้เล็บและใต้พับผิวหนังที่อับชื้น (เช่น ผื่นผ้าอ้อม)

          อวัยวะเพศ-ทางเดินปัสสาวะ : คัน, มีหนองไหลออกมาพร้อมกลิ่นไม่พึงประสงค์ (ช่องคลอดอักเสบ-vaginitis), กระเพาะปัสสาวะอักเสบซ้ำซาก, เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

          อารมณ์/ระบบประสาท : หงุดหงิดรำคาญ, เหนื่อยอ่อน, ปวดศีรษะ, สมาธิสั้น, หมดแรง, วิตกกังวล, อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ

          ภูมิคุ้มกัน : การตอบสนองของภูมิคุ้มกันไม่ดี, ติดเชื้อบ่อย และเป็นหวัด/ไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่บ่อย, แผลหายช้า/ระยะเวลาพักฟื้นยาว

          เมือกทำให้เกิดเป็นช่องแล้วทำให้เกิดอาการ "ลำไส้รั่ว" หรือ "leaky gut syndrome" จากนั้นสารพิษที่แคนดิด้าสร้างขึ้นก็ไหลไปตามกระแสโลหิตพร้อม ๆ กับสารอาหารที่ยังไม่ได้รับการย่อยอย่างถูกต้อง รวมทั้งตัวยีสต์เองด้วย



เชื้อราในช่องคลอด


อะไรที่ไปกระตุ้นให้ยีสต์เจริญมากเกินไป?

          ปัจจัยหลายอย่างทำให้จุลชีพในลำไส้เสียสมดุล ยาปฏิชีวนะทำลายแบคทีเรีย รวมถึงชนิดแบคทีเรียที่ดีคอยควบคุมแคนดิด้าเอาไว้ การใช้ยาปฏิชีวนะบ่อย ๆ, การใช้ยากดภูมิคุ้มกัน, ยาคุมกำเนิด, คอร์ติโคสเตรอยด์ และยาฮอร์โมนอื่น ๆ เป็นสาเหตุให้ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ที่เยื่อเมือกที่ปกติจะเป็นกรดให้มีค่าสูงขึ้นกลายเป็นด่างและเหมาะกับการเจริญของแคนดิด้ามากขึ้น

          ในสภาวะปกติ เอสโตรเจนกระตุ้นการหลั่งกลูคากอน (glucagon-คือกลูโคสในรูปที่ถูกเก็บสะสม) จากผนังช่องคลอด แล้วถูกหมักด้วยเชื้อแลคโตบาซิลลัสชนิดต่าง ๆ (lactobacilli) ทำให้เกิดเป็นกรดแลคติค สภาพที่เป็นกรดนี้ช่วยป้องกันการติดเชื้อแคนดิด้า และป้องกันไม่ให้มันเจริญมากเกินไป หากกระบวนการถูกรบกวนก็จะเกิดการอักเสบในช่องคลอด (vaginitis หรือ vaginal thrush) ทารกเกิดใหม่มีภูมิคุ้มกันที่ไม่เจริญเต็มที่และถูกรุกรานจากเชื้อแคนดิด้าได้ง่ายที่บริเวณที่อุ่นและชื้น ซึ่งเชื้อนี้จะชอบมาก

          นอกเหนือจากสมดุลของจุลชีพและภูมิคุ้มกันที่ตกลงแล้วทำให้แคนดิด้ามีจำนวนมากขึ้นได้แล้ว อีกประการที่ทำให้มันเจริญขึ้นมาได้ก็คือมันได้รับอาหารมากเกินไป คนที่เคยต้มเหล้าจะทราบดีว่ายีสต์ชอบน้ำตาล แคนดิด้าที่เจริญมากเกินไปก็มักมาจากกลูโคสในเลือดสูงกินไป ไม่ว่าจะจากโภชนาการที่ไม่ดี หรือความไม่สมดุลทางสรีระ (ดื้ออินซูลินหรือทนต่อกลูโคสไม่ได้) การดื้ออินซูลินกระตุ้นให้กลูคากอนหลั่งออกมาจากตับและกล้ามเนื้อให้มากลายเป็นเชื้อเพลิงให้แก่แคนดิด้าต่อไป


การรักษาและป้องกัน

          การจำกัดปริมาณกลูโคสนับเป็นขั้นตอนแรก อาหารที่ให้กลูโคสก็ได้แก่น้ำตาล เช่น น้ำตาลทั่วไป, น้ำผึ้ง, สารให้ความหวานทดแทน และฟรุคโตสจากผลไม้ คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี ทั้งขนมปังขาว, ขนมอบ, พาสต้าแป้งขาวและข้าว ล้วนมีค่าดัชนีกลัยซีมิค (glycemic index-GI) สูง กลูโคสในนั้นถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว

          ให้ระวังน้ำตาลที่ซ่อนอยู่ในอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิต โดยเฉพาะในซอสต่าง ๆ พวกนี้บางทีอยู่ในส่วนผสมที่ลงท้ายด้วย "-ol" เช่น mannitol และ sorbitol หรือลงท้ายด้วย "-ose" เช่น dextrose, maltose และ sucrose ให้รับประทานอาหารสดที่มีประโยชน์ที่มีค่า GI ต่ำ และทำอาหารด้วยตัวเอง


เชื้อราในช่องคลอด


การบำบัดอย่างนุ่มนวล

          สเตฟานี่ เคอร์วิน นักสมุนไพรและนักบำบัดแบบ homoeopath จาก Aurora Wellness กล่าวว่า "ดิฉันใช้สมุนไพร andrographis, pau d’arco, น้ำมัน aniseed และน้ำมันออริกาโน่, กระเทียม, slipperyeim และโปรไบโอติคส์ ในการรักษา เกลือแร่สังกะสีและซีเลเนียมทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงและรักษาทางเดินอาหาร ดิฉันยังให้การรักษาแบบ homoeopathic คล้ายกับ "หนามยอกเอาหนามบ่ง" โดยการใช้แคนดิด้าที่มีฤทธิ์คล้ายกันเพื่อช่วยให้ร่างกายรับมือกับการติดเชื้อได้" เคอร์วิน เพิ่มเติมว่า การบริหารความเครียดเป็นสิ่งจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรทำให้เครียด "หากคุณไม่ทราบ การบำบัดก็มีแนวโน้มที่จะสำเร็จน้อยลง"

ข่าวเกี่ยวกับกระเทียม

          การศึกษาของวารสาร Mycopathologia ระบุว่า กระเทียมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของยาต่อต้านเชื้อราทั่วไป ซึ่งนี่มีความสำคัญเพราะเชื้อแคนดิด้าบางสายพันธุ์สามารถพัฒนาต่อต้านยาเหล่านี้ได้

          ยีสต์, รา และอาหารหมักสามารถกระตุ้นให้แคนดิด้าเจริญมากผิดปกติและควรจะหลีกเลี่ยง อาหารเหล่านี้ได้แก่ ขนมปังที่ขึ้นฟูด้วยยีสต์, สารสกัดยีสต์, เห็ด, ชีส และแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์ โยเกิร์ตธรรมชาติที่ไม่เติมความหวานมีแลคโตบาซิลลัสและอะซิดอฟิลัสซึ่งช่วยเพิ่มจุลชีพที่ดีในทางเดินอาหารให้สมดุล และให้ความสมดุลกับความเป็นกรด-ต่าง และควรรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำหรือใช้อาหารเสริมโปรไบโอติคส์ก็ได้

          วิตามินซี ก็ดูจะป้องกันการเจริญของแคนดิด้า นักวิจัยที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเทมเปิล ทำการวิจัยเกี่ยวกับหน้าที่ของวิตามินซี ที่ได้จากอาหาร (แอสคอร์บิค แอซิด) โดยทดสอบกับหนูตะเภาที่มีการติดเชื้อแคนดิด้า พบว่า หนูที่ได้รับแอสคอร์บิค แอชิด วันละ 0.5 ม.ก. มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อได้มากกว่าพวกที่ได้รับในปริมาณที่สูงกว่าวันละ 20 ม.ก. อยู่มาก หากคุณมีการติดเชื้อแคนดิด้าซ้ำซาก ให้เพิ่มการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น พริกแดงและบรอกโคลี (จะให้ดีควรทานดิบ ๆ เพราะวิตามินซีจะสูญเสียไปกับความร้อนในการปรุงอาหาร) หรือรับประทานในรูปอาหารเสริมให้ได้ถึงวันละ 1 กรัม







ขอขอบคุณข้อมูลจาก

แปลและเรียบเรียงจาก
เรื่อง : Candida Cures
โดย : Tess Dingle
วารสาร : Nature & Health เดือนธันวาคม/มกราคม 2011
ผู้แปล : ฉัตรตระกูล เจียจันทร์พงษ์, M.P.H.

 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อาการแบบไหน ต้องสงสัยติดเชื้อแคนดิด้าในช่องคลอด อัปเดตล่าสุด 25 เมษายน 2557 เวลา 14:14:18 33,199 อ่าน
TOP