สธ.ผ่าท้องพิสูจน์สาเหตุทารกตายในครรภ์ หลังรับวัคซีนไข้หวัด 2009 คาดรู้ผล 2 ก.พ.นี้ (มติชนออนไลน์)
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 มกราคม ถึงความคืบหน้าการตรวจชันสูตรศพทารกในครรภ์มารดาภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่โรงพยาบาลสตูล ว่าการเสียชีวิตเกิดจากวัคซีคหรือไม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบผล เบื้องต้นได้ส่งศพทารกไปยัง โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เพื่อตรวจวิเคราะห์พยาธิสภาพ การตรวจชิ้นเนื้อ การตรวจเลือด โดยเร่งให้ตรวจพิสูจน์โดยเร็วที่สุด เชื่อว่าอย่างช้าผลการตรวจในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ แต่ต้องนำผลดังกล่าวมอบให้คณะกรรมการพิจารณาผลข้างเคียงหรือเหตุข้างเคียง ที่อาจเกี่ยวพันธ์กับวัคซีน ที่มี พญ.สุจิตรา นิมมานนิตย์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค ที่จะประชุมกันในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ รับทราบก่อนจะพิจารณาว่า สมควรจะแถลงข่าวหรือไม่ เนื่องจากต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบ เนื่องจากเรื่องนี้ผู้บริหาร สธ.อาจไม่เชี่ยวชาญพอ
นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ไม่เพียงแต่ผลการตรวจสอบศพของทารกในครรภ์ที่ จ.สตูล แต่จะมีผลการตรวจสอบที่ชัดเจนกรณีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตพร้อมลูกในครรภ์ ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาลด้วย ทั้งนี้ ในการประชุมวันที่ 2 กุมภาพันธ์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในหลาย ๆ เรื่อง อยากให้สังคมเข้าใจว่า ภาวะแทรกซ้อนของหญิงตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นภายหลังรับวัคซีน ยังไม่มีผลใด ๆ ออกมายืนยันว่ามาจากวัคซีนจริง ๆ ซึ่งอาจประจวบเหมาะเกิดภาวะแทรกซ้อนกับช่วงเวลาที่รับวัคซีนพอดี จึงทำให้หลายคนเข้าใจไปต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่ควรรอข้อสรุปก่อน แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่น
"ขณะนี้ สธ.จึงสั่งการโรงพยาบาลทั่วประเทศ ให้เร่งสร้างความเข้าใจว่าวัคซีนดังกล่าวปลอดภัย ขณะเดียวกัน หากไม่รับวัคซีน หญิงตั้งครรภ์ก็มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้เช่นกัน ที่ผ่านมาพบหญิงตั้งครรภ์ 4-5 ราย ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และส่งผลให้ทารกเสียชีวิต ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญทั้งของไทยและขององค์การอนามัยโลกต่างยืนยันว่า การรับวัคซีนเพื่อป้องกันย่อมคุ้มค่ากว่าแน่นอน" นพ.ศิริวัฒน์ กล่าว
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า โดยปกติหญิงตั้งครรภ์จะมีภาวะทารกดิ้นน้อย เจ็บท้อง หรือแม้กระทั่งแท้งอยู่ก่อนแล้ว แต่ข่าวที่ผ่านมาต่างลงโทษว่า เป็นผลมาจากการรับวัคซีน ทำให้สังคมเข้าใจผิด และซ้ำร้ายทำให้หญิงตั้งครรภ์เกิดความกังวล ไม่กล้าไปรับการฉีดวัคซีน ซึ่งเสี่ยงต่อการรับเชื้อไข้หวัดใหญ่ ล่าสุดได้รับรายงานจาก จ.กระบี่ พบหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว 1 ราย กังวลกับข่าวที่ออกมามาก จนต้องไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจและขอนอนพักรักษาตัว แต่แพทย์ตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติใด ๆ
"เรื่องความไม่มั่นใจจากข่าวคราวที่ออกมา ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ ล่าสุดได้ประสานกับราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ในการหารือถึงปัญหาดังกล่าว โดยจะประชุมร่วมกับคณะกรรมการฯ ชุด พญ.สุจิตรา ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อปรึกษาและหาแนวทางในการสร้างความเชื่อมั่นการรับวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ " นพ.โอภาส กล่าว
นายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมนางวรภา ชัยเลิศวณิชกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล และนพ.อสิ มะหะมัดยังกี ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ เข้าเยี่ยมและมอบสิ่งของช่วยเหลือนางวันทนา ละเมาะ อายุ 33 ปี ที่ทารกในครรภ์ วัย 24 สัปดาห์เสียชีวิตภายหลังฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ที่รักษาตัวที่ รพ.สตูล ภายหลังคลอดทารกเพศชายที่เสียชีวิต
ทั้งนี้ นพ.อสิ ได้สอบถามอาการของนางวันทนา ตั้งแต่การเข้ารับการฉีดวัคซีน จนเข้าพบแพทย์เนื่องจากทารกในครรภ์ไม่ดิ้น จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าการเสียชีวิตของเด็กในครรภ์มาจากวัคซีน แต่ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ศพทารกว่า เกิดจากวัคซีนหรือเกิดจากการแพ้ยาหรือจากสาเหตุอื่น การฉีดวัคซีน จะมีผลข้างเคียง แพ้ยา หรือสาเหตุอื่น แต่ต้องดูใน 3 ประการ ว่าเป็นผลมาจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีน หรือผู้ให้บริการคือ กระทรวงสาธารณสุขและตัวของผู้ป่วยเอง ทางกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนฯจะสอบสวนในเรื่องนี้เช่นกัน
ด้าน นายสุเมธ กล่าวว่า ครอบครัวนางวันทนา มีอาชีพประมง ฐานะยากจน บ้านทรุดโทรม ทางจังหวัดจะตรวจสอบดูว่าเข้าหลักเกณฑ์การช่วยเหลือตามโครงการแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกินหรือไม่ หากไม่เข้าเกณฑ์จะหาทางช่วยด้วยวิธีอื่นต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
