x close

ชีวิตคนรุ่นใหม่กับโรคกรดไหลย้อน


โรคกรดไหลย้อน


          คุณหมวย อริสรา กำธรเจริญ ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจในสุขภาพคนหนึ่ง ไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหนคุณหมวยจะต้องหาเวลาพักผ่อนและออกกำลังกายเสมอ เพราะเธอรู้ดีว่าไลฟ์สไตล์ของคนปัจจุบันนั้นมีโอกาสทำให้เกิดโรคต่าง ๆ สูงมาก

          "คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเมืองมีลักษณะการใช้ชีวิตที่ผิดไปจากคนรุ่นก่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เราทำงานหนัก รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ล้วนแต่ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม โรคกล้ามเนื้ออักเสบ และที่สำคัญคือโรคกรดไหลย้อน"


โรคกรดไหลย้อน


          โรคกรดไหลย้อนถือว่าเป็นโรคที่รบกวนการใช้ชีวิตของคนทั่วไปอย่างมาก โรคนี้เกิดจากภาวะที่กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนไปที่หลอดอาหาร สังเกตง่าย ๆ จาก 4 อาการคือ "จุก เสียด แสบ เรอเปรี้ยว" ซึ่งอาการเหล่านี้จะส่งผลให้มีอาการระคายบริเวณลำคอ และแสบอกหรือจุกเสียดบริเวณใต้ลิ้นปี่ รวมทั้งมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อร่วมด้วย คล้าย ๆ กับอาการของโรคกระเพาะอาหาร ซึ่งโรคนี้นอกจากจะทำให้ผู้ป่วยทรมานกับการปวดแสบกลางหน้าอกแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบไปที่กล่องเสียงและปอดได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเสียงแหบเรื้อรังหรือเป็นโรคปอดอักเสบได้

          คุณกรรชัย กำเนิดพลอย ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ตรงกับโรคกรดไหลย้อนเปิดเผยว่า...

          "โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับโรคนี้อยู่แล้ว ซึ่งทุกวันนี้เมื่อรู้จักการรักษาอย่างถูกวิธีและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของตัวเอง ก็พบว่าอาการเริ่มดีขึ้น จากแต่ก่อนเป็นคนที่ชอบทานอาหารรสจัด รสเผ็ด ของมันของทอด  ชา กาแฟ น้ำอัดลม บางทีเราทานข้าวดึก ทานเสร็จก็นอนเลย บางทีเครียดมาก อาการก็กำเริบขึ้นมา ทำให้รู้สึกทรมานและไม่สบายตัวอย่างมาก

          ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ กลางหน้าอก ซึ่งมักเกิดหลังกินอาหารเสร็จใหม่ ๆ ความรู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปากและคอ มีอาการท้องอืด จุกเสียดแน่นท้อง เรอบ่อย เรอเปรี้ยว คลื่นไส้ กลืนติดขัดเหมือนมีก้อนจุกในคอ เป็นต้น เนื่องจากกรดจากกระเพาะอาหาร รวมถึงน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาผ่านหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างจนสร้างความระคายเคืองให้กับเยื่อบุหลอดอาหารนั่นเอง ซึ่งหากปล่อยปละละเลยจนอาการรุนแรงถึงขั้นเป็นแผลในหลอดอาหาร นำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการพัฒนาของโรคเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์และอาจลุกลามไปเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารได้ จึงอยากให้ทุกคนระมัดระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีด้วย"




          ในขณะเดียวกัน คุณเมย์ เฟื่องอารมย์ ก็กล่าวเสริมในส่วนของตนเองที่กำลังตั้งครรภ์...

          "คุณหมอช่วยให้คำแนะนำเมย์ดีมาก เนื่องจากเรามีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนได้เช่นเดียวกัน ให้หมั่นสังเกตอาการ เช่นว่ารู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปาก เรอเปรี้ยวบ่อยครั้ง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ ซึ่งการปรับพฤติกรรมบางอย่างโดยการหลีกเลี่ยงอาหารและปัจจัยที่ทำให้โรคนี้รุนแรงมากขึ้น เช่น อาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว ควรแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อย่อย ๆ ไม่ควรรับประทานครั้งละมาก ๆ และรับประทานมื้อเย็นให้เร็วขึ้น คือ ห่างจากเวลาเข้านอนไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง รวมถึงนอนหนุนศีรษะสูงขึ้น อีกทั้งต้องหาวิธีจัดการกับความเครียดด้วย เพราะความเครียดกระตุ้นให้น้ำย่อยหลั่งมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับหญิงตั้งครรภ์แล้วหากต้องใช้ยาในการรักษาจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์มากเป็นพิเศษ จึงควรใช้ยาที่ปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์และตามคำสั่งของแพทย์"

          โรคกรดไหลย้อนมักเกิดจากการพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเอง เพราะฉะนั้น การจะหลีกเลี่ยงโรคนี้ต้องพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง และดูแลตัวเองอย่างมีวินัยและเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการรักษาระดับน้ำหนักให้คงที่ ไม่เกินมาตรฐาน เพราะคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องสูงทำให้กรดไหลย้อนได้มากขึ้น ควรงดสุรา บุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เกิดกรดมากทำให้หูรูดอ่อนแรง


โรคกรดไหลย้อน


          งดอาหารมัน ๆ อาหารทอด อาหารที่ปรุงด้วยหัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ ช็อกโกแลต ถั่ว ลูกอม เนย ไข่ เผ็ด เปรี้ยว เค็มจัด ควรรับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ และแค่พออิ่ม และต้องทานมื้อสุดท้ายก่อนจะนอน 3 ชั่วโมง อีกทั้งหลีกเลี่ยง ชา กาแฟ น้ำอัดลม เบียร์ สุรา และพยายามผ่อนคลายจากงานหรือสิ่งที่ทำให้เครียดด้วยการดูหนังและฟังเพลง หรือออกกำลัง เพราะความเครียดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้

          และที่สำคัญควรเลือกใช้ยาที่ถูกต้องที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้จริง กาวิสคอนเป็นยาบรรเทาอาการกรดไหลย้อน สามารถบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว และอาหารไม่ย่อย ออกฤทธิ์ด้วย 2 กลไก คือทั้งลดกรดและสร้างเจล เพื่อป้องกันกรดไหลย้อน จึงบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว และอาหารไม่ย่อย 

          ส่วนหญิงมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์หรือใช้ยาแก้กรดไหลย้อนที่ปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์ โดยเฉพาะที่มีกลไกการทำงานโดยการสร้างชั้นเจลทำหน้าที่ป้องกันและยับยั้งไม่ให้กรด น้ำย่อยและน้ำดี ไหลย้อนขึ้นสู่หลอดอาหาร กลไกการออกฤทธิ์บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกได้เร็วจึงสามารถทานทันทีเมื่อเกิดอาการและคงอยู่ได้นาน

          เพียงแต่ใส่ใจดูแลตัวเองและมีวินัยในการใช้ชีวิต คุณก็จะสามารถมีสุขภาพดีและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและห่างไกลกรดไหลย้อนได้

          ข้อมูลเพิ่มเติมที่ livewell.in.th






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชีวิตคนรุ่นใหม่กับโรคกรดไหลย้อน อัปเดตล่าสุด 29 สิงหาคม 2557 เวลา 12:19:56 1,031 อ่าน
TOP