x close

รีวิวลดน้ำหนัก... 22 กิโลกรัมที่หายไป กลายเป็นคนใหม่ น่ารักขึ้นกว่าเดิม

          ลดความอ้วนจาก 76 กิโลกรัม เหลือ 54 กิโลกรัมด้วยวิธีลดน้ำหนักที่ถูกทาง มาดูว่าเธอทำได้อย่างไร
รีวิวลดน้ำหนัก

          เพราะการใช้ยาลดน้ำหนักทำให้เกิดปัญหาโยโย่เอฟเฟกต์ตามมา นี่เลยบทเป็นบทเรียนให้ คุณ Jaikox1st สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เดินหน้าสู่วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง นั่นก็คือการออกกำลังกายและเลือกทานอาหาร ผลลัพธ์ก็คือ เธอสามารถลดน้ำหนักจาก 76 กิโลกรัม เหลือ 54 กิโลกรัมได้สำเร็จ แถมยังมีสุขภาพดีขึ้นด้วย ใครกำลังมองหาวิธีลดความอ้วนที่ถูกทางอยู่ ลองอ่านประสบการณ์ลดน้ำหนักที่เธอแชร์ให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ


          สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวพันทิปค่ะ เนื่องด้วยความขี้เกียจครอบงำเลยคิดอยู่นานว่าจะทำรีวิวดีมั้ย ต้องบอกก่อนเลยว่าในชีวิตไม่เคยได้รู้จักคำว่าผอมเลยยยย แค่ตอนอนุบาล 3 น้ำหนักเราก็ปาไป 45 แล้ว แต่มาพีคสุดคือตอนที่มันไม่โอเคแล้วจริง ๆ คือตอน ม.4 น้ำหนักมันขึ้นมาเป็น 76 กิโลแล้ว มีแต่คนถามว่าไม่คิดจะลดน้ำหนักเหรอ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก ไม่รู้สึกว่าตัวเองอ้วนด้วยซ้ำ โอ้มายก็อด มาดูรูปกันค่าาาา

รีวิวลดน้ำหนัก

          ตามจริงเคยไปหาหมอตอน ม.1 ตอนนั้นหมอบอกว่าคอเลสเตอรอลเกิน ไขมันเกิน หนูต้องลดน้ำหนัก ตอนนั้นคนรอบข้างก็พูดแค่ว่า "เดี๋ยวโตขึ้นก็ผอมเองแหละ" "เดี๋ยวตัวจะค่อย ๆ ยืดเอง"....มันไม่จริงเว้ยยยยยย เพราะได้ยินคำพูดพวกนั้นแหละเลยไม่ทำอะไรเลย น้ำหนักมันก็ขึ้นเรื่อย ๆ ไง นี่คือรูปตอน ม.1

รีวิวลดน้ำหนัก

          พอเริ่มขึ้น ม.2 เริ่มอยากผอมแล้ว เพราะตอนนั้นรู้สึกว่าเรามีชุดใส่อยู่แค่ชุดเดียว เวลาไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ เขาก็จะแต่งตัวกันสวยมากกก อยากแต่งตัวสวย ๆ บ้าง แต่ด้วยเหตุผลที่เราเรียนอยู่ที่ปีนัง แล้วมันเป็นอพาร์ตเมนต์ เลยตัดเรื่องออกกำลังกายไปได้เลย เคยไปวิ่งอยู่ด้านล่าง 2-3 วัน ก็ล้มเลิกแล้ว นี่คือรูปตอน ม.2

รีวิวลดน้ำหนัก

          หลังจากนั้นเราย้ายไปอยู่คอนโด คอนโดมีฟิตเนส มีสระว่ายน้ำ เลยทำให้เราเริ่มออกกำลังกายบ้าง เดือนละ 2 ครั้ง 5555555555 ตอนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่หันไปลองด้านยาลดน้ำหนัก แต่จะไม่ได้กินแบบติดต่อกัน จะกินเป็นชุด ๆ พอผอมก็หยุด วนเวียนแบบนี้มาอยู่ประมาณ 2 ปี แต่...มันหยุดไม่ได้ เพราะพอหยุด น้ำหนักเราก็ขึ้นแล้วก็ต้องมากินใหม่ ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันเรียกว่าโยโย่ ก็ทำแบบนั้นไป เพื่อนเดี๋ยวก็ทักผอมลงบ้าง เดี๋ยวก็ทักอ้วนขึ้นบ้าง เราเลยเข้า google หาเรื่องของยาลดน้ำหนัก ถึงจะรู้ว่าอ้อ มันทำให้โยโย่ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ตอนนั้นบอกเลยว่าไม่กล้าหยุดกินยาเลยเพราะตอนนั้นผอมลงแล้ว เรากลัวหยุดแล้วจะเด้ง ตอนนั้นเครียดมาก หาว่าทำยังไงไม่ให้เด้ง แต่มันก็เด้งจาก 70 มาเป็น 76 ซึ่งเป็นช่วงตอน ม.4

รีวิวลดน้ำหนัก

          พอเห็นรูปนี้เท่านั้นแหละ เรารู้สึกว่ามันไม่โอเคแล้ว ตอนนั้นก็เครียดว่าจะลดน้ำหนักยังไง ยาหยุดเดี๋ยวก็โยโย่ เครียดแบบเครียดมาก ๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะหยุดกินจริง ๆ หลังจากนั้นเลยหันมาฟิตเนส ปั่นจักรยาน 300 แคลทุกวัน แต่ไม่ควบคุมเรื่องอาหารเพราะตอนนั้นไม่มีกระแสเรื่องอาหารคลีน ก็รู้สึกว่าออกกำลังกายแล้วกินได้ กินแบบเพื่อนชวนไปกินที่ไหนก็กิน เพราะคิดว่าก็ออกกำลังกายแล้วอะ คนอื่นก็พูดว่า "ออกกำลังกายแล้วทำไมไม่เห็นผอมลงเลย" ก็เลยคิดว่า เออก็จริง ออกแค่ 300 แต่ไปกินอาหารญี่ปุ่นชุดเบนโตะชุดนึงก็ 900 แคลละ

          หลังจากนั้นเลยเริ่มเปลี่ยนเรื่องการกิน ตอนเช้ากินขนมปังบ้าง ซีเรียลบ้าง กินอาหารปรกติบ้าง แต่บอกก่อนเลยว่าตอนนั้นความรู้เรื่องอาหารคือ 0 มาก ๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอมื้อเที่ยงก็จะกินข้าวร้านมังสวิรัติแล้วก็จะสั่งข้าวกล้อง แต่หารู้ไม่ว่าที่ตักกับอย่างอื่นนั้นแป้งทั้งนั้น พอเป็นมื้อเย็นก็จะกินปรกติ แต่ด้วยเพราะเลิกเรียนตอนบ่าย 3 คนที่ดูแลหอเขาก็จะทำข้าวเย็นให้กินตอน 4 โมง หลังจากนั้น 6 โมงเราก็ไปฟิตเนส บางคืนก็หิวบ้างไม่หิวบ้าง แต่พยายามไม่กินมื้อดึก

          ตอนนั้นการออกกำลังกายก็เปลี่ยนไปเพราะเราเข้าชมรมบาสของโรงเรียน ก็จะหากิจกรรมหลาย ๆ อย่างเล่นควบคู่ไปด้วย จากที่ปั่นจักรยานก็จะเปลี่ยนไปวิ่งบ้าง แล้วก็เพราะว่าได้เจอเพื่อนที่ฟิตเนส เขาก็ทำให้เรารู้จักกับคำว่า "สควอท" OMG มันเจ็บมากกกกกกก หลังจากนั้นก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง ไม่ได้เน้นสควอท ทำอยู่ 1 ปีกว่า ๆ น้ำหนักมันก็ลงมาอยู่ที่ 65-67

รีวิวลดน้ำหนัก

          ผอมลงก็จริงแต่ก็ยังอ้วนอะ

          หลังจากนั้นกลับมาอยู่ไทยรอเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ได้รู้จักกับ "อาหารคลีน" เนื่องจากพ่อกับแม่เริ่มหันมาออกกำลังกายและรักสุขภาพมากขึ้นเลยได้เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เรื่องเวทเทรนนิ่งเราก็ไม่ได้มีความรู้มาก เราเลยวิ่งอย่างเดียว วิ่งแบบเป็นชั่วโมง วิ่งเอาเป็นเอาตาย ผอมลงจริงแต่เวลาจับที่เนื้อคือเนื้อมันเหลวอะ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร ในรูปคือน้ำหนักอยู่ที่ 60

รีวิวลดน้ำหนัก

          หลังจากนั้นช่วงที่มาอยู่เซี่ยงไฮ้คือช่วงที่มหาวิทยาลัยเปิด ตอนนั้นก็คิดว่าพอใจแล้วไม่ลดแล้ว ใช้ชีวิตลั้ลลาเลยค่ะ ไม่ได้ออกกำลังกาย ใครชวนไปไหนไป กินไหนไปตลอด ไม่อิ่มไม่หยุด แล้วคืออาหารจีนมันมากกกกกกก เพื่อนนัด 4 ทุ่มกินเนื้อย่างก็ไป หลังจากนั้นภายในเดือนเดียวน้ำหนักขึ้นมาอยู่ที่ 64 คือแบบบบบ เครียดมากกกก เพื่อนที่ชวนกินตอนชวนก็ชวนดี พออ้วนขึ้นมันก็ล้อ ล้อแบบกดดันมาก ๆ คำพูดมันทำให้เราแบบแย่มาก ๆ

          หลังจากนั้นเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน คือพยายามกินแค่ 3 มื้อ จากปรกติกิน 4-5 มื้อ แล้วก็ไปสมัครฟิตเนสเลยจ้าาา ตอนไปเล่นฟิตเนสก็ยังทำแค่คาร์ดิโอ วิ่งกับปั่นจักรยานอย่างเดียว เทรนเนอร์ก็เข้ามาบอกว่าวิ่งอย่างเดียวไม่ได้นะ หลังจากนั้นเลยดูว่าฟิตเนสมีคลาสอะไรบ้าง มันก็มีพวกบอดี้ คอมแบท เราชอบมาก มันเป็นแบบแนวมวย ๆ เราเลยเข้า 1 อาทิตย์มีคลาส 4 วัน ก็พยายามไปให้ได้ทุกวัน ตอนนั้นใช้เวลา 2 เดือน น้ำหนักก็ลงไปประมาณ 3 กิโล เทรนเนอร์ก็ทักว่าผอมลง แต่รู้สึกว่ายังไม่ได้กินคลีนแล้วก็ยังกินมากอยู่ น้ำหนักเลยลงช้า

          หลังจากนั้นก็กลับไทยเพราะปิดเทอม หันมาเล่นเวทมากขึ้น แล้วก็ประกอบกับกินอาหารดีขึ้น เราจะเล่นเน้นเวทช่วงขา เพราะเป็นคนช่วงขาใหญ่ ก็จะทำสควอท, lunge, กระโดดตบ, sumo squats แล้วก็ตามด้วย cardio 45-60 นาที 1 เดือนน้ำหนักก็ลงไปอยู่ที่ 59-60

          พอกลับมาจีนเนื่องด้วยต้องทำอาหารเอง มันเลยทำให้เราเลือกได้ว่าเราจะปรุงอะไรใส่ลงไปบ้าง แต่เพราะลิ้นชินกับรสจืด เราเลยมีแค่น้ำมันหอยอะ 55555555 บวกกับการออกกำลังกายตามภาพนี้

รีวิวลดน้ำหนัก

รีวิวลดน้ำหนัก

          เราว่าตารางนี้มันท้าทายมาก มันทำให้เราไม่เบื่อ เราอยากออกกำลังกายทุกวันเลย เราทำควบคู่กับการคาร์ดิโอ 45-60 นาที

          ตอนนี้ผ่านมาประมาณ 1 เดือนกว่า ๆ น้ำหนักเราก็ลดลงมาอยู่ที่ 54

รีวิวลดน้ำหนัก

รีวิวลดน้ำหนัก

รีวิวลดน้ำหนัก

รีวิวลดน้ำหนัก

รีวิวลดน้ำหนัก

          การลดน้ำหนักมันจะทำให้เราเปลี่ยนพฤติกรรมการกินไปเลย เราจะเลือกมากขึ้น เราจะคิดมากขึ้นว่าอะไรควรกินไม่ควรกิน กินอาหารดี ๆ ก็มีผลต่อจิตใจมาก มันทำให้เรารู้สึกแฮปปี้ว่าเราเอาของดีเข้าร่างกาย แต่เราก็ยังมีกินไอติมบ้าง กินของหวานบ้างอาทิตย์ละ 1 ครั้ง

          หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่ตั้งใจจะลดน้ำหนักค่ะ สิ่งสำคัญเลยคืออย่ายึดติดเรื่องเวลา แค่คิดว่าวันนี้เราจะต้องสุขภาพดีขึ้นกว่าเมื่อวาน พอผ่านไปนาน ๆ ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนเป็นรางวัลชีวิตจริง ๆ

          ถ้าหากเขียนผิดตกบกพร่องยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
คุณ Jaikox1st สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รีวิวลดน้ำหนัก... 22 กิโลกรัมที่หายไป กลายเป็นคนใหม่ น่ารักขึ้นกว่าเดิม อัปเดตล่าสุด 7 มิถุนายน 2562 เวลา 16:49:40 126,415 อ่าน
TOP