คุณสิทธิชัย ใจสงบ หรือ "พี่เจมส์" ของน้อง ๆ หน่วยกู้ภัยบางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้รับผิดชอบพื้นที่ที่จัดว่าเป็นเส้นทางสายหลักของผู้สัญจรภาคใต้ ได้บอกเล่าประสบการณ์การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุบนท้องถนนที่เรียกว่าช่วงเทศกาล 7 วันอันตรายนั้นต้องเตรียมรับเคสแทบทุกนาทีเลยทีเดียว
"ผมทำงานอาสามาเป็นสิบปี ประสบการณ์ตรงที่ผมได้รับกับตัวเองก็คือ การจัดเก็บสถิติของแต่ละพื้นที่ ก็มีผลต่อการแก้ปัญหาได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างถนนในพื้นที่มีจุดเสี่ยงที่โค้งเขาโพธิ์ ที่มีความโค้งขึ้นเขา ช่วงนอกเทศกาลมีรถผ่านมากกว่า 1,000 คัน รถเยอะ ถนนลื่น เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก มีครั้งหนึ่งฝนตกใหม่ ๆ วันนั้นรถลงข้างทาง 20 กว่าราย เห็นตัวเลขขนาดนี้เราทำงานแบบเดิมไม่ได้แล้วแหละ เลยเป็นที่มาว่า เราทำงานกับสถิติเพื่อแก้ปัญหา โดยเลือกจำนวนครั้งที่เกิดอุบัติเหตุทุกเคสไปทำงานกับแขวงการทางฯ ใครเห็นก็ต้องร้องโอ้โห ! กันเลย หลังจากนั้นก็ได้ทำการแก้ไขถนน ติดป้ายเตือนให้เด่นชัดขึ้น รณรงค์ให้คนระวังมากขึ้น เห็นผลทันตา สถิติลดลงเป็นสิบเท่า จากหน้าฝนปีก่อนหน้านั้นเกิดเหตุ 60 ครั้ง พอปีต่อมากลับลดเหลือแค่ 6 ครั้ง"
จากประสบการณ์ทำงานที่ต้องรับมือกับการเดินทางในช่วงเทศกาล พี่เจมส์ ให้ข้อคิดว่า เทศกาลจะเป็นช่วงเวลาที่คนเต็มไปด้วยความสุข ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงได้กลับมาเจอกัน พอ "ต่อมความสุข" ทำงาน "ต่อมความระวัง" จะลดลงโดยอัตโนมัติเสมอ
"เจอทุกสงกรานต์ครับ ขับรถประมาทมากขึ้น เคยขับออกจากซอยต้องดูซ้ายขวาก่อนก็จะลืมดูพุ่งพรวดออกมา เคยขับช้าก็จะขับเร็ว เคยตั้งสติกลัวชนกลัวเฉี่ยวก็จะลืมตัว เคยค่อย ๆ ข้ามถนนก็จะกลายเป็นรีบ เพราะทุกคนกำลังสนุก มีความสุขมาก พอสุขมาก ๆ พีค ๆ ไม่มีใครคิดถึงความตาย เรื่องอันตราย ภัยบนถนนหรอกครับ มันลืมไปชั่วขณะ แล้วสิ่งที่ตามมาคือ แค่ช่วงวินาทีเดียว จากสุขสุดๆก็จะกลายเป็นเศร้าสุด ๆ ให้เราเห็นเสมอ ผมอยากบอกว่าทำหน้าที่ช่วงสงกรานต์มาเป็นสิบปี เหตุเหล่านี้มาจากแค่สองปัจจัยเลยครับ เมา กับ ประมาท"
สุดท้ายแล้ว การป้องกันไว้ก่อนจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด คือทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเรา เพราะต่อให้ถนนดี รถสมรรถภาพยอดเยี่ยม ภูมิอากาศดี ฯลฯ แต่สุดท้ายคือถ้าคนขับประมาท ขับเร็ว ขับด้วยความมึนเมา คึกคะนอง หรือใจลอย ขาดสติ ฯลฯ ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุก็ย่อมมีมากขึ้นเป็นธรรมดา
"พฤติกรรมของคนนี่ล่ะคือสิ่งที่ต้องแก้ไขมากเป็นพิเศษ แถมแก้ยากกว่าปัจจัยอื่นเสียอีก ไปดูอุบัติเหตุที่เกิดจะพบว่า ถนนสายรอง ถนนตามชุมชน เกิดเหตุมากกว่าถนนสายหลักเสียอีก เพราะคนขับคิดว่า นิดเดียวเอง ไม่ต้องสวมหมวกก็ได้ ไปใกล้ ๆ แค่นิดเดียวถนนแถวบ้านเราเอง สบาย ขับประจำชินทางแล้ว ก็เลยประมาท บางทีรถล้มหัวกระแทกพื้น ก็ใช้คำว่านิดเดียวเองเหมือนกัน แต่กลับถึงขั้นพิการ หรือเสียชีวิตไปเลย"
"ล่าสุดกรณีของคุณแม่ท่านหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งลูกตอนเช้า แต่ก็ไปโดนรถคันอื่นที่วิ่งมาเร็ว ถนนลื่นเบรคไม่อยู่ ชนมอเตอร์ไซค์กระเด็นไป คนขับรถที่มาชนอาจจะคิดว่า ขอขับเร็วนิดเดียวเอง แต่ทำให้คุณแม่บาดเจ็บส่วนเด็กที่ซ้อนท้ายมาต้องโดนตัดขาทิ้ง น้องเขายังเรียนประถมอยู่เลย ซึ่งเรื่องน่าเศร้าแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าทุกคนเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าอย่าประมาท ต้องมีสติทุกนาทีที่ใช้รถใช้ถนน"
"นิดเดียวก็ไม่ได้" เพราะเรากำลังพูดถึงชีวิตของคนที่เรารัก ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ต้องเตือนตัวเองเสมอว่า จะทำยังไงให้ตัวคุณและคนที่คุณรัก ไม่ต้องมาเป็นส่วนหนึ่งของสถิติอุบัติเหตุ คือประโยคสุดท้ายที่พี่เจมส์ฝากมาถึงทุกคนในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ทุกคนก็สามารถช่วยกันลดสถิติอุบัติเหตุจราจรได้นะครับ รักษาวินัยจราจร ดื่มไม่ขับ สงกรานต์ กลับบ้านปลอดภัย