COVID-19 อันตรายจากโคโรนาไวรัส ที่ระบาดหนักไปทั่วโลก

          โรค COVID-19 ที่เกิดจากโคโรนาไวรัส อาการป่วยเป็นอย่างไร อันตรายหรือไม่ ทำไมถึงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มารู้จักเพื่อเฝ้าระวังตัวเองกัน 
covid-19

          เป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกต้องเฝ้าระวัง เมื่อมีข่าวโรคปอดบวมปริศนาแพร่ระบาดในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ทางตอนเหนือของประเทศจีน มาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2562 ภายหลังจึงพบว่า ต้นตอของโรคปอดบวม หรือปอดอักเสบปริศนา เกิดจากเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ และในตอนนั้นมีคำยืนยันว่า โรคนี้ไม่ได้ติดต่อจากคนสู่คน สถานการณ์การระบาดในช่วงแรกจึงดูไม่น่าวิตกอะไร
          แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน กลับมีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และผู้มีเสียชีวิต ขณะเดียวกันก็พบผู้ป่วยในอีกหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย พร้อมกับรายงานใหม่จากทางการจีนที่ระบุว่า โคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ก่อนที่องค์การอนามัยโลก (WHO) จะประกาศให้การระบาดของโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ และในที่สุดก็ยกระดับการเตือนภัยความเสี่ยงการระบาดไปทั่วโลกของเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่อยู่ระดับ "สูงมาก"

          นั่นจึงทำให้เราต้องหันกลับมาสนใจและรู้ให้เท่าทันโรคนี้ที่อาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
ไวรัสโคโรนา

ภาพจาก Noel Celis/AFP

โคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2019 คืออะไร

          จริง ๆ แล้ว โคโรนาไวรัส เป็นไวรัสชนิดหนึ่งในตระกูลโคโรนาที่พบมานานกว่า 50-60 ปีแล้ว มีลักษณะคล้ายมงกุฎ จึงตั้งชื่อว่า "โคโรนา" ที่แปลว่า มงกุฎ สามารถก่อให้เกิดโรคได้ทั้งในสัตว์และมนุษย์ ซึ่งในมนุษย์จะก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบ 

          ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพบเพียง 6 สายพันธุ์ย่อย ที่ทำให้เกิดการระบาดในมนุษย์ ในจำนวนนี้มีอยู่ 2 สายพันธุ์ที่เป็นการติดเชื้อจากสัตว์มาสู่คน ทำให้มีอาการรุนแรง นั่นคือ "โรคซาร์ส" (SARS : Severe Acute Respiratory Syndrome) หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง ที่ระบาดในฮ่องกง เมื่อปี 2002 และ "ไวรัสเมอร์ส" (MERS : Middle East respiratory syndrome) หรือโรคทางเดินหายใจอักเสบตะวันออกกลาง เมื่อปี 2012 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมากมาแล้ว ส่วนอีก 4 สายพันธุ์ แค่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจทั่วไป เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่ก่ออันตรายเท่าสายพันธุ์อื่น ๆ

          แต่โคโรนาไวรัสที่เป็นต้นเหตุของโรคปอดบวมในเมืองอู่ฮั่นนั้น เป็นสายพันธุ์ย่อยที่ 7 ซึ่งยังไม่เคยพบการระบาดมาก่อน จึงเรียกชื่อว่า โคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) หรือ SARS-CoV-2 ก่อนที่ภายหลัง WHO จะประกาศชื่อของโรคนี้อย่างเป็นทางการว่า COVID-19 ซึ่งมีที่มาจาก CO : Corona, VI : Virus และ 19 คือปี 2019 ซึ่งเริ่มต้นระบาด

ไวรัสโคโรนา

ภาพจาก AFP PHOTO / BRITISH HEALTH PROTECTION AGENCY

โคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2019 มาจากไหน

          สำหรับต้นกำเนิดของโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ที่ 7 นั้น ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าต้องมีแหล่งกำเนิดมาจากสัตว์ชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์อื่น ๆ อย่างเช่น โรคเมอร์ส ที่มีอูฐเป็นพาหะนำเชื้อมาสู่มนุษย์ โดยจากการสอบสวนโรคพบว่า ผู้ป่วยโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ ส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสอาหารทะเลที่ตลาดค้าอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่น จึงคาดว่าตลาดแห่งนี้อาจเป็นต้นกำเนิดของโรคดังกล่าว และทางการได้สั่งปิดตลาดนี้แล้ว

          อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้ไม่ได้ขายสัตว์ทะเลอย่างเดียว แต่ยังขายสัตว์ปีก นก ไก่ฟ้า งู กระต่าย รวมไปถึงสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ อีกมาก จึงยังไม่ทราบว่า ต้นกำเนิดมาจากสัตว์ชนิดใดกันแน่ แต่นักวิจัยหลายหน่วยงานในประเทศจีน พบว่า โคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ อยู่ในตระกูลเดียวกับโรคซาร์ส คือ HKU9-1 ซึ่งเป็นไวรัสที่พบได้ในค้างคาวชนิดกินผลไม้ จึงตั้งสมมติฐานว่า ค้างคาวอาจเป็นพาหะของไวรัส และอาจมีตัวกลางไม่ทราบชนิดเป็นตัวแพร่เชื้อจากค้างคาวไปสู่คน

          
ทั้งนี้ มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Medical Virology พบว่า พันธุกรรมของไวรัสตัวนี้มีความใกล้เคียงกับงูมากที่สุด ซึ่งเป็นไปได้ที่เชื้อน่าจะส่งผ่านจากค้าวคาวมาสู่งู ก่อนที่จะส่งผ่านเชื้อจากงูเข้าสู่มนุษย์ จนเกิดการระบาดของโรคขึ้น แต่นักวิจัยยังไม่สามารถระบุได้ว่า เชื้อไวรัสสามารถปรับตัวให้เข้ากับโฮสต์ที่เป็นสัตว์เลือดเย็น และโฮสต์ที่เป็นสัตว์เลือดอุ่นได้อย่างไร

โรค COVID-19 ติดต่อกันได้อย่างไร

          ในช่วงแรกของการระบาดยังไม่พบการติดเชื้อจากคนสู่คน เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ทำงานอยู่ที่ตลาดขายส่งปลาและอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่น โดยมีประวัติสัมผัสสัตว์ การระบาดจึงจำกัดอยู่ในวงแคบ
 

          กระทั่งกลางเดือนมกราคม เริ่มมีรายงานพบผู้ติดเชื้อในเมืองใหญ่ ๆ ของประเทศจีนกว่าร้อยราย ทั้งที่ไม่เคยไปเมืองอู่ฮั่นเลย แต่ติดไวรัสมาจากคนในครอบครัว รวมทั้งยังพบเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ดูแลคนไข้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคปอดอักเสบจากเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ ในที่สุดแล้ว คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) จึงต้องออกมายืนยันว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้

          ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้ว โรคติดต่อทางเดินหายใจสามารถแพร่เชื้อได้จากการสัมผัสผู้ป่วย สัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ การไอ จาม เข้าทางเยื่อเมือก (Mucous membrane) ได้แก่ เยื่อบุดวงตา เยื่อบุจมูก เยื่อบุช่องปาก ดังนั้น การเดินผ่านกัน หรือจับมือกัน ไม่ได้ทำให้เชื้อเข้าทางมือได้

ไวรัสโคโรนา

COVID-19 อาการเป็นอย่างไร รุนแรงแค่ไหน

          ณ ปัจจุบัน โรค COVID-19 ยังไม่ถือว่ารุนแรงมากนักเมื่อเทียบกับโรคซาร์ส และเมอร์ส เพราะทำให้เกิดอาการได้ตั้งแต่เป็นหวัดเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงปอดอักเสบ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ของผู้ป่วยแต่ละคน

          โดยหลังจากเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะเวลาฟักตัว 2-14 วัน ดังนั้น ถึงแม้จะได้รับเชื้อมาแล้วก็ไม่ใช่ว่าป่วยทันที อาจต้องรอถึง 14 วัน จึงแสดงอาการให้เห็น ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป คือ

  • มีไข้สูง 
  • ไอ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ 
  • หากเป็นมากขึ้นจะมีอาการปวดเมื่อยตามตัว เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ท้องเสีย  อาเจียน และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างอาการปอดอักเสบ (Pneumonia) หรือปอดบวม จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ในผู้ที่มีภูมิต้านทานไม่แข็งแรง

    อย่างไรก็ตาม ในบางคนที่มีภูมิต้านทานแข็งแรง อาจไม่แสดงอาการป่วยเลยก็ได้ แต่สามารถเป็นพาหะนำเชื้อส่งต่อไปยังผู้อื่นได้ผ่านการไอ จาม หรือสัมผัสสารคัดหลั่งต่าง ๆ และอาจทำให้คนที่สัมผัสเชื้อนี้ป่วยได้

 

ใครคือกลุ่มเสี่ยงของโรค

          ทุกคนสามารถติดเชื้อไวรัสดังกล่าวได้ แต่มีบุคคลบางกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย และเมื่อป่วยแล้วอาจมีอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป เช่น
  • เด็กเล็ก
  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว
  • ผู้ที่มีภาวะคุ้มกันบกพร่อง
  • คนดูแล หรือใกล้ชิดผู้ป่วย
  • บุคลากรทางการแพทย์ 

COVID-19 รักษาได้ไหม

         ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาพบแพทย์เพราะมีไข้สูง และไอ คล้ายกับไข้หวัดทั่วไป แต่เมื่อตรวจอย่างละเอียดจึงได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อและทำการรักษาอย่างทันท่วงทีจนหายเป็นปกติได้ โดยแพทย์จะรักษาตามอาการ เพราะยังไม่มียารักษาโดยตรงหรือวัคซีนป้องกัน หากผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันแข็งแรง ร่างกายจะกำจัดเชื้อไปได้เอง
 

          แต่ในบางคนอาจมีอาการหนักและทรุดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความแข็งแรงของร่างกาย ภูมิต้านทาน รวมทั้งจำนวนเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยแต่ละคนมีอาการแตกต่างกัน ซึ่งปัจจุบัน จีนได้รับรองให้ยา Favilavir เป็นยารักษาโรค COVID-19 อย่างเป็นทางการ

ไวรัสโคโรนา

ภาพจาก STR / AFP

พบผู้ป่วย COVID-19 ที่ไหนแล้วบ้าง ?

          จากข้อมูลวันที่ 2 มีนาคม 2563 พบผู้ติดเชื้อในประเทศจีน เกือบ 80,000 ราย เสียชีวิตแล้วกว่า 2,000 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อในมณฑลหูเป่ย์มากที่สุด นอกนั้นกระจายไปตามเมืองต่าง ๆ เช่น ปักกิ่ง กวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ เจ้อเจียง  

          ด้วยเหตุนี้ ทางการอู่ฮั่นจึงได้สั่งปิดเมืองและหยุดให้บริการขนส่งทางสาธารณะทั้งหมด เพื่อไม่ให้คนเดินทางออกนอกอู่ฮั่น ซึ่งคาดว่าการกักกันโรคครั้งนี้จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัสได้

          ขณะที่ในต่างประเทศ ก็พบผู้ติดเชื้อไปทุกทวีปทั่วโลกแล้วกว่า 60 ประเทศ โดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 7,000 ราย เสียชีวิตแล้ว 100 ราย มีการแพร่ระบาดมากในประเทศเกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน ญี่ปุ่น

ไวรัสโคโรนา

สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย

          จนถึงวันที่ 2 มีนาคม 2563 มีรายงานพบผู้ป่วย 43 ราย โดยมีผู้ป่วยที่รักษาหายดีและกลับบ้านได้แล้ว 31 ราย รักษาตัวอยู่ 11 ราย เสียชีวิต 1 ราย
 

ไวรัสโคโรนา

COVID-19 ป้องกันได้ไหม ?

          เราสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้เบื้องต้นเหมือนกับการป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจทั่วไป เช่น

               - สวมหน้ากากอนามัย เพราะสิ่งคัดหลั่งจากเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย มีอนุภาคขนาดใหญ่กว่าตัวไวรัสหลายร้อยเท่า การใส่หน้ากากอนามัยธรรมดาจึงป้องกันได้
               - ปิดปาก ปิดจมูก เวลาไอหรือจามด้วยกระดาษทิชชู หรือต้นแขนด้านใน
               - หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่นาน 20 วินาที หรือเจลล้างมือ
               - ไม่ใช้มือสกปรกแคะจมูก หรือหยิบอาหารเข้าปาก
               - อย่านำมือที่ยังไม่ล้างมาสัมผัสใบหน้า
               - หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด แหล่งชุมชน บริเวณที่มีคนอยู่เยอะ หรือสถานที่ที่มลภาวะเป็นพิษ
               - หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการติดเชื้อทางระบบหายใจ หรืออาการคล้ายไข้หวัด
               - รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เพื่อสร้างภูมิต้านทานโรค
               - นอนหลับให้เพียงพอ
               - ปรุงอาหารประเภทเนื้อสัตว์และไข่ให้สุก

        กรณีเดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฮ่องกง อิตาลี อิหร่าน ควรปฏิบัติตัวดังนี้

covid 19

          ต้องบอกว่า COVID 19 ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว เพราะทุกคนมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้อย่างไม่รู้ตัว ดังนั้นต้องป้องกันตัวเองให้ดีโดยใช้หลักง่าย ๆ คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องไปในที่ชุมชน
*หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่  2 มีนาคม 2563

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขไทยพีบีเอส, องค์การอนามัยโลก, กรุงเทพธุรกิจ, สปริงนิวส์, กรุงเทพธุรกิจ, CNN, BBC, เฟซบุ๊ก Rational Drug Use  
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
COVID-19 อันตรายจากโคโรนาไวรัส ที่ระบาดหนักไปทั่วโลก อัปเดตล่าสุด 17 มีนาคม 2563 เวลา 16:13:16 237,246 อ่าน
TOP