เตือนโรคฉี่หนูระบาดหน้าน้ำ เผยครึ่งปีตายแล้ว 16 ราย (ไทยโพสต์)
เตือนโรคฉี่หนูระบาดในช่วงหน้าน้ำ เผยตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้มีผู้ป่วยแล้วกว่าพันราย เสียชีวิต 16 คน พบผู้ป่วยในภาคอีสานมากที่สุด ระวังเด็กเล็กมีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคฉี่หนูในปี 2554 ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2554 พบผู้ป่วยทั่วประเทศ 1,043 คน เสียชีวิต 16 คน พบผู้ป่วยมากที่สุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 568 คน จังหวัดที่มีรายงานมากที่สุด ได้แก่ บุรีรัมย์ 83 คน ขอนแก่น 76 คน ศรีสะเกษ 74 คน ภาคที่พบผู้ป่วยรองลงมาคือ ภาคใต้ จำนวน 292 คน โดยพบที่ จ.นครศรีธรรมราชมากที่สุด 70 คน สุราษฎร์ธานี 42 คน และสงขลา 38 คน ภาคเหนือพบผู้ป่วย 148 คน มากที่สุดที่น่าน 36 คน และเชียงราย 26 คน ส่วนภาคกลางมีจำนวน 35 คน มากที่สุดที่ชัยนาท 7 คน พระนครศรีอยุธยา 6 คน
เมื่อวิเคราะห์รายอาชีพของผู้ป่วย พบว่า ร้อยละ 53 ของผู้ป่วย หรือ 553 คน เป็นเกษตรกร ส่วนที่เหลือเป็นนักเรียน 133 คน นักบวช 4 คน ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ 22 คน ทำงานบ้าน 27 คน โดยเฉพาะในเด็กเล็กมีโอกาสติดเชื้อโรคฉี่หนูได้ แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพ เนื่องจากเด็กสามารถวิ่งเล่นในบริเวณรอบบ้านหรือลงไปเล่นตามแหล่งน้ำขัง จึงมีโอกาสสัมผัสเชื้อได้ และมีอาการป่วยเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ แต่ผู้ปกครองมักคิดไม่ถึง คิดว่าเด็กป่วยเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือคิดว่าเป็นโรคระบบทางเดินอาหาร ส่วนเด็กเล็กเองมักจะไม่สามารถบอกเล่าอาการป่วยบางอย่างได้ เช่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว จึงขอให้ผู้ปกครองนึกถึงโรคฉี่หนูไว้ด้วย และควรพาไปพบแพทย์ ในปีนี้พบเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ป่วยเป็นโรคฉี่หนูแล้ว 15 ราย ไม่มีเสียชีวิต
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคฉี่หนูยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่หลักใหญ่ในการป้องกันมี 3 ประการ คือ ลดโอกาสสัมผัสเชื้อที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำขัง ลดพื้นที่ที่เป็นแหล่งน้ำขัง และลดจำนวนสัตว์ที่เป็นตัวการแพร่เชื้อโรคโดยเฉพาะหนู ขอให้ประชาชนใส่รองเท้าบู๊ตเมื่อต้องย่ำน้ำลุยโคลน แหล่งที่มีน้ำขังต่างๆ ควรปรับพื้นทางเดินให้สูงขึ้นกว่าปกติ
หากอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ควรใช้กระสอบทรายหรือวัสดุอื่นทำเป็นแนวป้องกันน้ำท่วมและทำเป็นแนวทางเดิน รวมทั้งกำจัดขยะไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประสบภัยหรือเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย หากมีอาการไข้หรืออาการผิดปกติ ควรพบแพทย์และแจ้งประวัติการลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วยเพื่อให้การรักษาที่ถูกต้อง โดยขณะนี้มียาปฏิชีวนะรักษาหายขาด แต่โรคนี้สามารถป่วยซ้ำอีกได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
