(ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล)
แพทย์เผยผลตรวจหญิงเยอรมัน ยืนยันว่าไม่ใช่โรคไข้กาฬหลังแอ่น แต่เป็นการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน พร้อมแนะวิธีป้องกันโรค สวมหน้ากาก-ล้างมือ
วันนี้ (8 เมษายน 2558) นพ.ชาญชัย ลิ้มธงเจริญ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางละมุง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ได้รับตัวผู้ป่วยหญิงสัญชาติเยอรมัน อายุ 48 ปี จากห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง ซึ่งมีอาการเข้าข่ายโรคไข้กาฬหลังแอ่น ส่งมารับการรักษาที่โรงพยาบาลบางละมุง โดยเริ่มแรกผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย ความดันต่ำ และท้องเสีย แพทย์จึงทำการรักษาเบื้องต้น จนกระทั่งวันที่ 5 เมษายน ผู้ป่วยมีอาการเซื่องซึม ผื่นขึ้น และคอแข็ง ซึ่งมีลักษณะต้องสงสัยว่าจะป่วยเป็นโรคไข้กาฬหลังแอ่น จึงเร่งส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลชลบุรี
อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลบางละมุงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคไข้กาฬหลังแอ่นจริงหรือไม่ เพราะต้องรอผลการตรวจเพาะเชื้อจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเป็นการยืนยันอีกครั้ง แต่เบื้องต้นทางโรงพยาบาลบางละมุง ก็ได้ให้บุคคลากรที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ที่ได้ใกล้ชิดหรือสัมผัสกับคนไข้ ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน และต้องสืบประวัติผู้ป่วยว่ามีการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ เพราะปกติประเทศไทยไม่พบการแพร่ระบาดของโรคนี้นานหลายสิบปีแล้ว
ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยหญิงชาวเยอรมันรายนี้ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่า เป็นการติดเชื้อในกระแสเลือด ไม่ได้เป็นโรคไข้กาฬหลังแอ่นแต่อย่างใด
ทั้งนี้สำหรับโรคไข้กาฬหลังแอ่น ไม่จัดว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย แต่ต้องมีการเฝ้าระวังไม่ให้มีการระบาดในวงกว้าง โดยติดต่อได้ผ่านการหายใจและสัมผัสสารคัดหลั่ง แรกเริ่มจะมีอาการคล้ายติดเชื้อไวรัส คือ มีไข้ ไอ น้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว หลังจากนั้น 12-72 ชั่วโมง จะเริ่มมีผื่นคล้ายจุดเลือดออก ลักษณะเป็นแฉกคล้ายดาวกระจายซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรค แต่อาจพบผื่นลักษณะอื่นด้วย ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นจุดสีคล้ำและเป็นสะเก็ดสีดำ หากมีการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมองจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง และซึมลงอย่างรวดเร็ว แต่หากรักษาทันท่วงทีก็จะลดอัตราการเสียชีวิตได้
ทั้งนี้การป้องกันสามารถทำได้เหมือนโรคติดต่อทางเดินหายใจ เช่น การล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น ซึ่งโรคกาฬหลังแอ่น เป็นโรคที่มีการระบาดในประเทศแถบตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกา โดยองค์การอนามัยโลก ให้คำแนะนำในการฉีดวัคซีน สำหรับการเดินทางในประเทศกลุ่ม และปัจจุบันโรคไข้กาฬหลังแอ่น สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
