พอมีการแชร์ข้อมูลว่าอาหารชนิดนั้น สมุนไพรชนิดนี้ ทานแล้วช่วยลดความอ้วนได้ ก็ทำให้สาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนักใจร้อน แทบจะวิ่งไปเสาะหามาทานกันซะวันนี้ แต่อยากให้ชั่งใจสักนิดเมื่อรับข่าวสารอะไรมา เพราะเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพที่แชร์กันว่อนโลกไซเบอร์นั้น มีเรื่องมั่ว ๆ ปะปนอยู่ไม่ใช่น้อย ๆ อย่างเช่นเรื่อง "น้ำผึ้ง ลดความอ้วน" ที่เราจะขอเคลียร์กันให้ชัด ๆ
โดยก่อนหน้านี้มีการแชร์ข้อมูลว่า น้ำผึ้งเป็นอาหารที่มีสรรพคุณรักษาโรค ยิ่งหากนำมาผสมกับอบเชย จะทำให้รักษาโรคได้มากมาย เช่น โรคหัวใจ หรือหากนำมาชงเป็นเครื่องดื่ม โดยใช้น้ำผึ้ง 2 ช้อน กับผงอบเชย 1 ช้อนชา ก็จะแก้อาการปวดข้อปวดกระดูก รวมไปถึงหากนำมาดื่มยังแก้ปัญหาโรคกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ ขับลมในกระเพาะ แก้อาการท้องอืด และที่เด็ดดวงไปกว่านั้นก็คือ น้ำผึ้งช่วยลดน้ำหนัก ลดคอเลสเตอรอลได้ด้วย
ฟังดูเผิน ๆ แล้วก็น่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อย เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า "น้ำผึ้ง" เป็นอาหารที่มีประโยชน์ แต่กับเรื่องลดน้ำหนักนั้น ต้องบอกว่า เป็นข้อมูลที่ผิดถนัดเลย โดย ผศ.วันทนีย์ เกรียงสินยศ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและอาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลแย้งว่า ส่วนประกอบหลักของน้ำผึ้งราว ๆ 80-85% คือ น้ำตาล และเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว เช่น กลูโคส และฟรักโทส ทำให้น้ำผึ้งมีรสหวาน ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย
ทั้งนี้ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 20 กรัม) ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี ในเมื่อน้ำผึ้งมีทั้งน้ำตาลและพลังงานมากขนาดนี้ ก็ไม่น่าเชื่อได้เลยว่า กินน้ำผึ้งแล้วจะลดความอ้วนหรือลดคอเลสเตอรอลได้อย่างที่มีข้อมูลแชร์กัน แถมยังจะเสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้นไม่ควรทานเกินวันละ 6 ช้อนชา ซึ่งเป็นปริมาณที่พอ ๆ กับน้ำตาลที่ทานกันปกติ
โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานต้องระวังให้มาก หากจะทานน้ำผึ้งก็สามารถทานได้ โดยดูว่าเคยได้รับอนุญาตให้บริโภคน้ำตาลทรายได้มากน้อยแค่ไหน ก็สามารถทานน้ำผึ้งในปริมาณที่เท่ากันแทนได้ แต่ไม่ควรทานน้ำผึ้งหรือน้ำตาลเพียงอย่างเดียว และถ้าจะให้ดี ควรปรึกษาแพทย์ หรือนักโภชนาการที่ดูแลอาหารก่อน เพราะระดับอาการของแต่ละคนไม่เท่ากัน
ส่วนเรื่องที่ว่าหากทานน้ำผึ้งกับอบเชยแล้วจะลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ขณะนี้ก็ยังไม่มีผลการศึกษาเชิงลึกมายืนยันข้อมูลนี้ เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งเชื่อข้อมูลที่ได้รับมาจะดีกว่า
