จากกรณี นายชิติ เจริญรัตนประภา หรือ ลุงชง อายุ 60 ปี ที่ป่วยเป็นโรคท้าวแสนปมใช้ชีวิตเพียงลำพังใน ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา ไม่มีคนรับเข้าทำงานเพราะรังเกียจ จนคิดอยากฆ่าตัวตาย ซ้ำเพื่อนต่างด้าวที่คอยช่วยเหลือยังถูกจับกลับประเทศ ด้วยความสงสารเพื่อนบ้านจึงนำเรื่องราวของลุงชงไปโพสต์ในโลกออนไลน์ จนมีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ อีกทั้งลุงชงอยากกลับกรุงเทพฯ ไปกราบสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 สักครั้งในชีวิตนั้น (อ่านข่าว : ชายวัย 60 ป่วยท้าวแสนปม โดนสังคมรังเกียจ-ไม่มีงานทำ จนคิดอยากฆ่าตัวตาย)
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง ระบุว่า โรคท้าวแสนปมไม่ใช่โรคติดต่อทั้งการสัมผัสทางกายและทางลมหายใจ ไม่ได้เป็นโรคติดต่อใด ๆ เลย เพราะไม่ใช่โรคที่เกิดจากเชื้อโรค แต่เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งเกิดจากเซลล์เนื้อเยื่อหุ้มประสาทเจริญผิดปกติกลายเป็นเนื้องอกขึ้นตามผิวหนังและก้อนเนื้อดังกล่าวอาจกลายเป็นมะเร็งได้ร้อยละ 2-5 ของผู้ป่วยโรคนี้ ทว่าสุภาพร่างกายภายในของผู้ป่วยโรคนี้แข็งแรงเหมือนคนทั่วไป
สำหรับวิธีการรักษา โรคท้าวแสนปม สามารถรักษาตามอาการได้โดยวิธีการตัดก้อนเนื้อออกไป เฉพาะก้อนเนื้อที่มันมีขนาดใหญ่เกินไปหรือมันสร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวัน แม้จะตัดออกไปแล้วก้อนเนื้อก็สามารถงอกมาใหม่ได้ แต่ถึงอย่างไรโรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ ดังนั้นผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป อีกทั้งสังคมไม่ควรรังเกียจ สามารถอยู่ร่วมกันได้ ช่วยเหลือกันได้ ให้งานทำได้ และสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้
ภาพและข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
