5 เคล็ดลับที่นักวิ่งควรรู้เมื่อทำการแข่งขัน หากบาดเจ็บระหว่างทางจะทำไงดี
ปัจจุบันมีจุดให้น้ำที่ตั้งห่างกันทุก 2-3 กม. นักวิ่งควรจิบน้ำ ระหว่างที่วิ่งหากมีอาหารปากแห้ง หรือหิวน้ำ นั่นคือร่างกายขาดน้ำ เราไม่ควรปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะนั้น ซึ่งถ้าดื่มน้ำปริมาณมาก อาจจุกเสียดได้ ควรค่อย ๆ จิบน้ำแทน ครูดินให้ความเห็นว่า นักวิ่งควรดื่มน้ำในอุณหภูมิปกติจะเหมาะกว่าเนื่องจาก ภาวะความร้อนในร่างกายกำลังปรับเข้าสู่ในระดับความพร้อม เมื่อดื่มน้ำเย็นลงไปจะไม่เป็นผลดีกับนักวิ่ง
2. เมื่อบาดเจ็บระหว่างทาง
เมื่อนักวิ่งเกิดเป็นตะคริวระหว่างการวิ่ง จะต้องหยุดวิ่งและยืดเหยียด พร้อมกับนวดเบา ๆ ถ้ากล้ามเนื้อส่วนไหนหดตัว กล้ามเนื้อมัดตรงข้ามจะคลายตัว เช่น เมื่อมีการตรึงตัวที่น่อง ต้องทำให้กล้ามเนื้อส่วนหน้าแข้งตรึงตัว ถ้ามีอาการซ้ำ ๆ ถี่ ๆ อาการนั้นไม่ทุเลาลง ควรหยุดเดิน ไม่ควรฝืน เนื่องจากการเป็นตะคริว กล้ามเนื้อจะถูกรัดตัวมาก ทำให้เกิดการบอบช้ำของเส้นใยกล้ามเนื้อได้
นักวิ่งบางคนที่แม้จะบาดเจ็บแต่ก็ยังคงวิ่งต่อ อาจเป็นเพราะเมื่อร่างกายมีความร้อนเกิดขึ้น จะเกิดความเจ็บจนชิน ทำให้เราทน ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมา ทำให้ร่างกายทนต่อความเจ็บ การทำซ้ำ ๆ ในภาวะของจุดที่เจ็บจะเกิดความรุนแรงของอาการบาดเจ็บ โดยที่เราไม่คาดคิดว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน สุดท้ายเมื่อมีอาการรุนแรงมากขึ้น นักวิ่งอาจจะต้องหยุดการวิ่งเพื่อรักษาตัว
3. การแต่งกาย
นักวิ่งควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่รุ่มร่าม หรือใส่แล้วไม่อึดอัด ไม่จำเป็นต้องมียี่ห้อ หรือของแพง ใส่แล้วเคลื่อนไหวสะดวกไม่ติดขัด สำหรับรองเท้าควรเป็นรองเท้าที่ถูกผลิตมาเพื่อใช้ในการวิ่งเท่านั้น และต้องเหมาะสมกับคนใช้ด้วย เช่น คนน้ำหนักตัวมากใช้รองเท้าที่บางมากเกินไป จะมีผลในเรื่องของแรงกระแทก หรือรองเท้าที่ไม่มีส่วนประกอบของการป้องกันการเคลื่อนไหวที่ผิดลักษณะ ส่วนใหญ่แล้ว รองเท้าที่ผลิตออกมาจะเสริมในเรื่องการป้องกันข้อผลิก ส้นหนา ซึ่งจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับโครงสร้างของนักวิ่ง
4. ท่าวิ่ง
เนื่องจากโครงสร้างของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจัดท่าทางการวิ่งเพื่อให้วิ่งได้อย่างสบาย ไม่กระแทกและลื่นไหลก็ย่อมแตกต่างกัน ลักษณะการวิ่งอาจลงส้น หน้าเท้า หรือเต็มเท้า ก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน ท่าทางการวิ่งขึ้นอยู่กับโครงสร้าง จังหวะการวิ่งของแต่ละคน ซึ่งต้องฝึกฝนและเรียนรู้
แนะนำในเบื้องต้นว่า จังหวะของการก้าวขาให้งอเข่าลงเล็กน้อยเสมอ เพื่อป้องกันแรงกระแทก ลำตัวตั้งตรงและเอนไปหน้าเล็กน้อย ไม่ส่ายไปมาหรือโยกขึ้นโยกลง แกว่งแขนขึ้นลงเบา ๆ ให้ขนานแล้วตัดเข้าลำตัวเล็กน้อย โดยให้สัมพันธ์กับการก้าวเท้า ให้หายใจตามธรรมชาติไม่ควรเม้มปากสนิท เพื่อนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายให้เพียงพอ
5. กำลังใจที่ควรบอกตัวเอง