แพทย์แนะ คนอายุเกิน 33 ปี ไม่ได้ฉีดวัคซีน ไวรัสตับอักเสบบี เสี่ยงโรคตับแข็ง - มะเร็งตับ เช็กกลุ่มไหนเสี่ยงสูงบ้าง
วันที่ 9 สิงหาคม 2568 รายการ ข่าว 3 มิติ ช่อง 3 รายงานว่า โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เตือนผู้ที่มีอายุมากกว่า 33 ปีขึ้นไป หรือเกิดก่อนปี 2535 ให้เข้ารับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี หลังพบว่าเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยรับวัคซีนชนิดนี้มาก่อน ซึ่งหากป่วยแล้วมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งตับสูงกว่าคนทั่วไปกว่า 100 เท่า
โรงพยาบาล จัดกิจกรรมบริการวิชาการพร้อมบริการทางการแพทย์ Let’s break it down รู้เร็ว รักษาไว ป้องกันได้ ลดมะเร็งตับ ให้ความรู้กับประชาชน เนื่องในวันตับอักเสบโลก
คนไทยป่วย โรคไวรัสตับอักเสบ 7 ล้าน - สาเหตุติดจากในครอบครัว
ข้อมูลอุบัติการณ์ล่าสุดของโรคไวรัสตับอักเสบและมะเร็งตับ ซึ่งองค์การอนามัยโลก WHO ออกสำรวจล่าสุดในปี 2565 พบผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรังสะสมอยู่กว่า 300 ล้านคนทั่วโลก โดยกว่า 250 ล้านคนเป็นไวรัสตับอักเสบบี ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2 ล้านคนต่อปี ขณะที่ประเทศไทย คาดว่ามีผู้ป่วยโรคนี้กว่า 7 ล้านคน และป่วยเรื้อรังประมาณร้อยละ 2-4 ของประชากร หรือประมาณ 2 ล้านคน
โรคไวรัสตับอักเสบเป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 5 ชนิด คือ ไวรัสตับอักเสบชนิด A B C D และ E ซึ่งชนิด B และ C มักนำไปสู่ภาวะตับอักเสบเรื้อรังและเป็นสาเหตุหลักของโรคตับแข็งและมะเร็งตับ สามารถติดจากคนสู่คน ผ่านเลือดและสารคัดหลั่ง ทั้งการติดจากแม่สู่ทารกและการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
ขณะที่ผู้ป่วยแบ่งได้ 3 ประเภทคือ กลุ่มติดเชื้อเฉียบพลันที่ส่วนใหญ่หายได้เองจากภูมิคุ้มกันที่มี ส่วนกลุ่มติดเชื้อแบบเรื้อรัง และกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในปัจจุบัน แต่สามารถควบคุมได้ด้วยการกินยาต้านไวรัส
นพ.สพล วิวัฒน์พัฒนกุล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เผยว่า การติดโรคนี้ มันติดลึกถึงระดับ DNA ของเราเลย ถึงระดับเซลล์ ถึงแม้จะหายขาดแล้ว มันอาจมีเศษซากหลงเหลืออยู่บ้าง ยังไงก็ตาม คนไข้ที่เคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเฉียบพลันและหายแล้ว ควรจะต้องแจ้งคุณหมอตามโรงพยาบาล เวลาเรามาโรงพยาบาลควรจะต้องแจ้งเสมอ ว่าเราเคยมีไวรัสตับอักเสบเฉียบพลันแต่หายแล้วนะ มีภูมิคุ้มกันแล้ว เพราะว่าเวลาถ้าในอนาคตเราเกิดได้รับยาเคมีหนัก ๆ หรือพวกยากดภูมิหนัก ๆ มันอาจจะทำให้มันกำเริบขึ้นมาได้ ส่วนกลุ่มที่เป็นไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง อันนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
แนะคนอายุเกิน 33 ปี ต้องได้รับวัคซีนป้องกันตับอักเสบบี
ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้กำหนดให้เด็กแรกเกิดทุกคนต้องได้รับวัคซีนป้องกันตับอักเสบบี ดังนั้นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 33 ปีในตอนนี้คาดว่าจะภูมิคุ้มกันอยู่ในร่างกายแล้ว ขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 33 ปีขึ้นไปจำเป็นต้องได้รับการตรวจภูมิคุ้มกัน เพราะโรคนี้หากป่วยแล้วมีโอกาสสูงถึงกว่า 100 เท่าที่จะเป็นโรคมะเร็งตับตามมา
พญ.กันต์สุดา ปัญจชัยพรพล ผช.ผอ.รพ.จุฬาภรณ์ฯ ระบุว่า ร่างกายเราจะเกิดการกระตุ้นภูมิต้านทานเรียกว่าแอนติบอดีขึ้นมานะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อนี้ในอนาคต หากเราได้รับเชื้อเข้ามา แล้วการฉีดวัคซีนนี้จะทำให้เราเกิดโรคหรือเปล่า อันนี้คอนเฟิร์มเลยว่า วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ถึงแม้เป็นส่วนประกอบของเชื้อ แต่ไม่ก่อให้เกิดโรคในร่างกาย แต่เป็นการสร้างภูมิต้านทานให้เราต่อการเกิดเชื้อในอนาคต
มากกว่าครึ่งของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ไม่ทราบว่าตัวเองกำลังป่วย และไม่เคยพบแพทย์มาก่อน หลายครั้งจึงพบว่าป่วยเป็นโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับแล้ว จึงเพิ่งเข้าสู่กระบวนการรักษา ดังนั้นประชาชนที่ตอนนี้มีอายุมากกว่า 33 ปีขึ้นไป หรือเกิดก่อนปี 2535 จึงควรเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต
เผยกลุ่มไหนเสี่ยงสูงบ้าง หมอแนะรีบเช็ก ก่อนสายเกินไป
นพ.วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร หัวหน้างานอายุรกรรมทางเดินอาหาร แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ ระบุว่า ในประชากรบ้านเรา ถ้าบางทีถ้าเราไม่ได้เข้าสู่กระบวนการคัดกรอง หรือเราไม่เคยตรวจเลยก็จะไม่มีทางรู้เลย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมาก ๆ เช่น ในครอบครัวที่มีไวรัสตับอักเสบบีในครอบครัว หรือ มีประวัติเป็นมะเร็งตับในครอบครัว อันนี้เราคาดว่าน่าจะมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในครอบครัวอยู่แล้ว ควรต้องมาเช็กว่าเราติดแล้วหรือยัง เพราะว่าผู้ที่ไม่มีภูมิก็ฉีดวัคซีนได้ แต่คนที่ไม่เคยทราบเลยว่าตัวเองติดเชื้อมาแล้ว ก็จะไม่ได้ระวังตัว สุดท้ายเวลาจนกว่าเขาจะมาตรวจหรือว่ารอจนมีอาการ บางทีตัวโรค มันเกินการรักษาที่จะหายขาดไปแล้ว
ปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี มีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 95 ในการป้องกันการติดเชื้อ ส่วนไวรัสตับอักเสบซี สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว ในระยะเวลาเพียง 8-12 สัปดาห์ ซึ่ง WHO ได้ตั้งเป้าลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบรายใหม่ ให้ได้ร้อยละ 90 ภายในปี 2573 ซึ่งก็จะทำให้อัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ลดลงตามมา
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าว 3 มิติ
