เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ของหวาน ๆ ใคร ๆ ก็ชอบ แต่ของแถมที่มากับ "ความหวาน" อย่าง "ความอ้วน" ต้นตอของสารพัดโรคร้าย เช่น "เบาหวาน", "โรคหัวใจและหลอดเลือด" ฯลฯ คงไม่มีใครอยากได้เป็นแน่ ถึงจะทราบดีว่า "ความหวาน" มีภัยแฝงมากมาย แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ตระหนักถึงความน่ากลัวของมันเท่าไรนัก ขนมหวาน ๆ จึงยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามาทุกยุคทุกสมัย และที่ฮิตถูกใจคนทุกรุ่นทุกวัยก็คือ "น้ำอัดลม" เครื่องดื่มดับกระหายแสนชื่นใจที่ได้ดื่ม แต่เชื่อหรือไม่ว่า หากคุณดื่มน้ำอัดลมเพียงแค่ 1 กระป๋อง นั่นเท่ากับว่า ในวันนั้นคุณได้ทานน้ำตาลมากเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการเข้าไปแล้ว!!!
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก แนะนำให้คนรับประทานน้ำตาลแค่วันละ 6 ช้อนชาเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงโรคเบาหวาน ที่ถูกยกระดับให้เป็นโรคอันตรายเทียบเท่า "โรคเอดส์" แต่น่าตกใจเหลือเกินที่จากการสำรวจของกรมอนามัย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กลับพบว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลมากถึงวันละ 20 ช้อนชา เกินกว่าปริมาณแนะนำถึง 3 เท่า โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ชอบดื่มน้ำอัดลมวันละหลายขวด หลายกระป๋อง เราจึงได้เห็นเด็กไทยจำนวนมากในยุคนี้มีภาวะน้ำหนักเกินตามมา จนสถิติอ้วนลงพุงของเด็กไทยพุ่งสูงขึ้นที่สุดในโลก และในรอบ 5 ปีที่ผ่านมานี้ พบเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า ขณะเดียวกันยังพบว่า มีคนไทยถึง 17 ล้านคน ดื่มน้ำอัดลมทุกวัน ไม่แปลกเลยที่สถิติผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน จะพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
ฟังแล้วหลายคนอาจจะยังไม่ค่อยเชื่อว่า "เอ... "น้ำอัดลม" เพียงแค่กระป๋องเดียวนะหรือ จะทำให้อ้วนได้มากขนาดนี้" งั้นลองมาดู "ความจริงของน้ำอัดลม" จากข้อมูลของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่นำเสนอใน รายการ Fat Fact ความจริงรอบพุง ออกอากาศทางช่อง ThaiPBS กันว่า ในน้ำอัดลมแต่ละกระป๋องมีน้ำตาล "ซ่อน" อยู่มากน้อยแค่ไหน?
เริ่มจาก "น้ำอัดลมน้ำดำ" ที่ข้างกระป๋องระบุว่า มีน้ำตาลผสมอยู่ 34 กรัม หากคิดเป็นช้อนชาแล้ว จะเท่ากับ 8.5 ช้อนชา ขณะที่ "น้ำอัดลมน้ำสี" มีน้ำตาลผสมอยู่ถึง 41 กรัม หรือเท่ากับน้ำตาลประมาณ 10.25 ช้อนชา สุดท้าย "น้ำอัดลมน้ำใส" ที่เชื่อหรือไม่ว่า มีปริมาณน้ำตาลมากที่สุดในบรรดาทั้งหมด เพราะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบมากถึง 46 กรัม เทียบได้กับน้ำตาลประมาณ 11.5 ช้อนชาเลยทีเดียว
ยังจำได้อยู่ใช่ไหมว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำให้บริโภคน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชาเท่านั้น แต่น้ำอัดลมเพียง 1 กระป๋อง ก็มีปริมาณน้ำตาลมากกว่าความต้องการของร่างกายเสียแล้ว โดยเฉพาะ "น้ำอัดลมน้ำใส" ที่ให้น้ำตาลเกินกว่าที่เราต้องการเกือบ 2 เท่า และส่วนที่เกินมาจะไปสะสมเป็นพลังงานสูญเปล่าในร่างกายก่อให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิต เบาหวาน และอ้วนลงพุงนั่นเอง
หากยังไม่เห็นภาพ ก็ลองมาดูการเปรียบเทียบชัด ๆ อีกครั้ง ว่า หากดื่มน้ำอัดลม 1 กระป๋องเข้าไปแล้ว จะต้องทำกิจกรรมอื่น ๆ นานแค่ไหนถึงจะเบิร์นแคลอรี่ออกไปได้หมด
- "น้ำอัดลมน้ำดำ" 1 กระป๋อง มีน้ำตาล 8.5 ช้อนชา เท่ากับต้องวิ่ง 30 นาที หรือถูบ้าน 75 นาที (เทียบกับเด็กน้ำหนัก 30 กิโลกรัม)
- "น้ำอัดลมน้ำสี" 1 กระป๋อง มีน้ำตาล 10.25 ช้อนชา เท่ากับต้องวิ่ง 45 นาที หรือถูบ้าน 90 นาที (เทียบกับเด็กน้ำหนัก 30 กิโลกรัม)
- "น้ำอัดลมน้ำใส" 1 กระป๋อง มีน้ำตาล 11.5 ช้อนชา เท่ากับต้องวิ่ง 50 นาที หรือถูบ้าน 100 นาที (เทียบกับเด็กน้ำหนัก 30 กิโลกรัม)
แค่น้ำหวานอัดแก๊สเพียงกระป๋องเดียวก็ต้องใช้เวลาทำกิจกรรมเผาผลาญพลังงานมากถึงขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าคนที่ดื่มน้ำอัดลมทั้งวัน วันละหลายกระป๋อง จะต้องใช้เวลาแค่ไหนถึงจะเบิร์นพลังงานจนหมด แล้วนาน ๆ เข้า จะมีโรคร้ายอะไรมาเยี่ยมเยือนกันบ้าง เห็นตัวเลขแบบนี้แล้ว คงต้องป่าวประกาศบอกดัง ๆ ต่อ ๆ กันเลยว่า "น้ำตาล" เป็นภัยแฝงในน้ำอัดลมที่น่ากลัวจริง ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
