รอง สสจ.ปากน้ำ เผย ไฟไหม้บ่อขยะ สมุทรปราการ มีประชาชนป่วยจากควันพิษแล้ว 15 ราย ด้านอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เผย ฝุ่นขนาดเล็กจากไฟไหม้เกินมาตรฐาน 3 เท่า มากกว่าหมอกควันภาคเหนือ
วันที่ 18 มีนาคม 2557 นพ.นำพล แดนพิพัฒน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะผู้บัญชาการวอร์รูม สธ.จังหวัดกรณีไฟไหม้บ่อขยะ กล่าวภายหลังการประชุมว่า สธ. จะดำเนินการใน 3 ประเด็น คือ
1. จัดบริการทางการแพทย์ โดยโรงพยาบาลสมุทรปราการ ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ที่ อบต.แพรกษา และวัดแพรกษา รวมถึง ให้บริการในสถานพยาบาลสังกัด สธ. ซึ่งในวันที่ 18 มีนาคม พบประชาชนเข้ารับบริการ 15 ราย ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแพรกษา ด้วยอาการแสบตา แสบจมูก แสบคอ ไม่มีอาการรุนแรง
2. การเฝ้าระวัง แบ่งกลุ่มเฝ้าระวังเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มสัมผัสมาก เช่น นักผจญเพลิง และประชาชนที่อยู่ห่างจากบ่อขยะ 200 เมตร จะมีการตรวจร่างกาย เอกซเรย์ เจาะเลือด และประเมินว่าจำเป็นต้องตรวจสารก่อมะเร็งหรือไม่ กลุ่มสัมผัสปานกลาง และกลุ่มสัมผัสน้อย
3. การให้ความรู้และการป้องกัน มีการแจกหน้ากากอนามัยตามปริมาณการสัมผัสฝุ่นควัน และออกรณรงค์ให้ความรู้
ด้านนายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าจากการตรวจสอบฝุ่นขนาดเล็ก 10 ไมครอน ห่างจากจุดเกิดเหตุรัศมี 1 กิโลเมตร จากเหตุไฟไหม้บ่อขยะ วัดได้ 354 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐาน 3 เท่า ที่กำหนดไว้ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มากกว่าหมอกควันภาคเหนือ ส่วนฝุ่นขนาด 2.5 ไมครอน สูงถึง 365 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยถือว่าอันตรายมาก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เพราะฝุ่นจะเข้าไปจับขั้วปอด และระยะยาวมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งสูง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ประสานกับ สธ. ให้เข้าพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่อยู่ในรัศมีอย่างน้อย 2 กม. ในการป้องกันผลกระทบ ซึ่งเบื้องต้น ทาง ปภ. มีการอพยพชาวบ้านบางส่วนออกไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
นอกจากนี้ จะมีการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจคุณภาพน้ำจากแหล่งน้ำรอบบ่อขยะ เพื่อตรวจหามลพิษในแหล่งน้ำ เนื่องจากบ่อขยะดังกล่าว มีการทิ้งขยะชุมชน และขยะอุตสาหกรรม ปะปนกันอยู่มานานแล้ว คาดว่า น่าจะมีการปนเปื้อนสารพิษในแหล่งน้ำใกล้เคียงด้วย
