ท้องเสียกินอะไรถึงจะหาย นอกจากยาแก้ท้องเสียแล้วยังมีอาหารที่ช่วยให้อาการท้องเสียหายไปได้ แถมด้วยเกร็ดเล็กน่ารู้ ท้องเสียห้ามกินอะไร และท้องเสียควรกินอะไรดี
อาการท้องเสียเป็นอาการป่วยเบสิกที่เกิดกับใครก็ได้
และยังสามารถเกิดได้ทุกฤดู ไม่ว่าอากาศจะร้อนหรืออากาศจะชื้น
อาการท้องเสียก็มักจะมาเยือนเราบ่อย ๆ
เมื่อเผลอไปกินอาหารที่ไม่ได้สุขอนามัย
แต่ก็คิดว่าคงไม่มีใครชอบอาการท้องเสียกันหรอกเนอะ
งั้นเอาเป็นว่ามาดูกันดีกว่าว่าถ้าเกิดอาการท้องเสียกินอะไรถึงจะหาย แล้วมีอาหารอะไรบ้างที่ไม่ควรกินในขณะที่ท้องเสีย
อาการท้องเสียที่เราเข้าใจกันก็ประมาณว่าถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายบ่อย และอาจจะปวดมวนท้องร่วมด้วยในบางกรณี แต่สำหรับทางการแพทย์แล้ว อาการท้องเสียจะถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ชนิด นั่นคืออาการท้องเสียชนิดเฉียบพลัน และอาการท้องเสียชนิดเรื้อรัง
ซึ่งอาการท้องเสียชนิดเฉียบพลันมักจะเกิดขึ้นทันทีทันใด ส่วนมากจะมีสาเหตุจากการรับประทานอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด มีสารปนเปื้อนบางอย่าง มีลักษณะถ่ายเป็นน้ำบ่อยครั้ง อาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย หรือถ้าเป็นหนักหน่อยก็อาจมีไข้ ตัวร้อน และอาเจียน ทว่าอาการท้องเสียชนิดเฉียบพลันจะเป็นอยู่ประมาณ 1-2 วัน หรืออย่างมากก็ไม่เกิน 1 สัปดาห์เท่านั้น
ส่วนอาการท้องเสียชนิดเรื้อรัง จะมีสาเหตุมาจากความแปรปรวนในระบบทางเดินอาหาร หรือลำไส้มีความไวต่อสิ่งเร้า (irritable bowel syndrome) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของบางคน หรือที่มักจะได้ยินคำที่ว่า เป็นคนธาตุอ่อนนั่นเอง
ทั้งนี้อาหารสำหรับคนท้องเสียก็ควรต้องเลือกกินให้ถูกชนิดของอาการท้องเสียที่เป็นอยู่ด้วย โดยเช็กความรู้ได้จากข้อมูลด้านล่างนี้เลยค่ะ
ท้องเสียกินอะไรถึงจะหาย ?
อาหารสำหรับคนท้องเสียชนิดเฉียบพลัน
ผู้ที่มีอาการท้องเสียเฉียบพลัน จะสูญเสียน้ำในร่างกายไปพร้อมอุจจาระที่ถ่ายออกไป ซึ่งจุดนี้ก็ควรดื่มผงน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ โดยควรผสมผงน้ำตาลเกลือแร่ตามสัดส่วนที่ระบุไว้ในฉลาก และควรจิบครั้งละน้อย ๆ จนครบ 1 แก้วน้ำดื่ม หรืออย่างน้อยก็จิบให้ได้ครึ่งแก้ว
ส่วนใครที่หาซื้อผงน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) ไม่สะดวก สามารถเตรียมเองได้ด้วยการผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ช้อนชา ผสมลงไปในน้ำต้มสุก 1 ขวดน้ำปลา (ประมาณ 750 cc) แต่อย่างไรก็ตาม ห้ามกินเกลือแร่สำหรับออกกำลังเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายดังคำเตือนจาก อย. เตือนท้องเสียให้กินเกลือแร่ ORS อย่าใช้เกลือแร่ออกกำลังกาย !
นอกจากนี้ผู้ที่มีอาการท้องเสียเฉียบพลันยังควรอาหารที่ย่อยง่าย โดยเน้นอาหารประเภทแป้งหรือข้าวเป็นหลัก เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำซุป เป็นต้น หรืออาจจะเลือกดื่มน้ำมะพร้าวก็ได้ เพราะน้ำมะพร้าวมีเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายค่อนข้างสูง สามารถลดอาการอ่อนเพลียจากการสูญเสียน้ำไปได้ ที่สำคัญในน้ำมะพร้าวยังมีคุณสมบัติขับสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย
ผู้ที่มีอาการท้องเสียเรื้อรังควรรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง อย่างผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืชต่าง ๆ เพราะใยอาหารจะช่วยให้การเคลื่อนไหวของลำไส้กลับมาเป็นปกติ ช่วยลดแรงดันของผนังลำไส้ และเพิ่มเนื้ออุจจาระ ส่งผลให้ถ่ายท้องน้อยครั้งลง
นอกจากนี้คนที่มีอาการท้องเสียเรื้อรังยังควรกินอาหารที่มีไขมันต่ำ เพราะนอกจากอาหารประเภทนี้จะย่อยง่ายแล้ว ยังทำให้การหดรัดตัวของลำไส้ใหญ่ลดลง ช่วยให้การขับถ่ายลดลงไปด้วย ส่วนหากต้องการเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย น้ำมะพร้าวก็ช่วยได้เยอะเช่นกันค่ะ
ท้องเสียห้ามกินอะไรบ้าง ?
ไม่เพียงแต่อาหารที่ควรกินเพื่อให้อาการท้องเสียหายเท่านั้นที่ควรรู้ แต่เมื่อท้องเสียก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ด้วย
- ท้องเสียชนิดเฉียบพลันไม่ควรกินนม, ผัก ผลไม้, น้ำผลไม้, อาหารที่มีกากใยสูง และอาหารรสจัด
- ท้องเสียชนิดเรื้อรังไม่ควรกินอาหารไขมันสูง ประเภทผัดหรือทอด, อาหารรสเปรี้ยว, อาหารรสเผ็ด, น้ำส้มสายชู, กะทิ, เหล้า, เบียร์, นมสด, ชา กาแฟ และอาหารที่ไวต่อระบบขับถ่าย ประเภทที่สังเกตได้ว่ากินทีไรแล้วจะเกิดอาการท้องเสีย
อาการท้องเสียเราสามารถป้องกันได้ง่าย ๆ เพียงแค่รักษาสุขอนามัยของตนเอง โดยล้างมือทุกครั้งก่อรับประทานอาหาร รวมทั้งหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด อาหารค้างคืนหลายวัน เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
