_5.jpg "โรคอัลไซเมอร์")
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
โรคอัลไซเมอร์ โรคร้ายที่คุกคามสมอง ซึ่งเราสามารถหลีกหนีจากความเสี่ยงได้เพียงแค่เลือกกินอาหารให้ถูก
โรคอัลไซเมอร์ พูดถึงชื่อนี้หลายคนก็คงจะรู้จักกันดี ซึ่งโรคนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับสมอง เนื่องจากเซลล์สมองถูกทำลายไปทำให้สูญเสียความทรงจำ นอกจากนี้ยังเป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นผู้สูงอายุอีกด้วย ถึงแม้ว่ามันจะยังดูไกลตัวเรา แต่ก็เป็นโรคที่ประมาทไม่ได้เพราะถ้าหากเป็นแล้วก็ไม่สามารถรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติได้เช่นกัน ดังนั้นการระมัดระวังและอยู่ให้ห่างไกลความเสี่ยงก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราควรจะทำ ซึ่งวิธีหนึ่งที่สามารถดึงเราออกจากความเสี่ยงโรคนี้ได้ก็คือการรับประทานอาหาร แต่อาหารชนิดใดบ้างที่จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ลงได้ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับอาหารลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์มาฝากกันจากเว็บไซต์ huffingtonpost.com อยากมีสุขภาพสมองที่ดีห่างไกลอัลไซเมอร์ต้องรับประทานอาหารเหล่านี้บ่อย ๆ เลยนะคะ
ถั่วเปลือกแข็ง
วอลนัท อัลมอนด์ และฮัทเซลนัท เป็นถั่วเปลือกแข็งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันที่สมองต้องการ จากการศึกษาของสถาบัน New York State Institute for Basic Research in Developmental Disabilities กับหนูพบว่า หนูที่ได้รับอาหารที่ผสมกับวอลนัทมีการพัฒนาในเรื่องของความจำและการประสานการสั่งการในสมอง นอกจากนี้ ถั่วเปลือกแข็งอย่างวอลนัท อัลมอนด์ และฮัทเซลนัท ยังมีวิตามินอี และสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยป้องกันความเสียหายของสมองอีกด้วย
ปลาไขมันสูง
ปลาที่มีไขมันสูงจะมีระดับของไขมันโอเมก้า 3 ที่สูงเช่นกัน ซึ่งปลาเหล่านี้ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอร์เรล ปลาซาร์ดีน เป็นต้น ซึ่งไขมันชนิดนี้จะไปลดระดับของ เบต้า-อะมีลอยด์ (beta-amyloid) ในเลือด ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีส่วนสำคัญต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โดยมีการแนะนำว่าการรับประทานปลาที่มีไขมันโอเมก้า 3 อย่างน้อยสัปดาห์ละ 8 ออนซ์ (ประมาณ 227 กรัม) จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นอัลไซเมอร์ได้ และควรเป็นปลาสดจะดีที่สุด แต่ถ้าหากคุณมีปัญหาเรื่องไขมันในเลือดสูงด้วยล่ะก็ควรจะปรึกษาแพทย์ดีกว่าค่ะ
เบอร์รี
คงจะได้ยินกันบ่อยแล้วใช่ไหมคะว่าพืชตระกูลเบอร์รีเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในพืชตระกูลเบอร์รีอย่างโพลีฟีนอล (Polyphenols) นี่ล่ะค่ะที่มีฤทธิ์ในการหยุดการอักเสบและทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ถ้าใครที่ไม่อยากเข้าใกล้ความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ก็ควรที่จะรับประทานเบอร์รีบ่อย ๆ นะคะ
ผักจำพวกผักใบเขียวเข้ม
ผักโขม และคะน้า เป็นหนึ่งในผักจำพวกผักใบเขียวเข้ม ซึ่งมีประโยชน์มากมายจนคุณต้องทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง หรือจะเป็นไฟเบอร์ รวมทั้งวิตามินซี ที่อยู่ในปริมาณสูงเหมาะสำหรับการนำมาใช้ประกอบอาหารเพื่อสุขภาพมากมายแล้ว ยังมีการศึกษาล่าสุดพบว่าเจ้าวิตามินซีที่อยู่ในผักใบสีเขียวเข้มเหล่านี้ยังช่วงป้องกันภาวะสมองเสื่อมและช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย
ขมิ้น
ขมิ้น สมุนไพรสีเหลือง ๆ ที่ชาวอินเดียมักนิยมมาใช้เป็นเครื่องเทศในการทำแกงกะหรี่ นอกจากจะทำให้สีสันอาหารสวยงามแล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย โดยมีการศึกษาจาก UCLA พบว่า วิตามินดีที่อยู่ในสารเคอร์คูมิน (curcumin) ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำลายกรดอะมิโนที่มาจากสมองซึ่งเกี่ยวของกับโรคอัลไซเมอร์ได้ ดังนั้นคราวหน้าถ้าคุณทำอาหารละก็ ลองเอาขมิ้นมาใช้ดูนะคะ
กาแฟ
ข่าวดีสำหรับคอกาแฟ เพราะมีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริด้าและมหาวิทยาลัยไมอามีได้ออกมาเปิดเผยว่าผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี ที่ดื่มกาแฟวันละ 3 แก้ว เป็นโรคอัลไซเมอร์ช้ากว่าผู้ที่ไม่ค่อยดื่มกาแฟ 2 - 4 ปี แถมคาเฟอีนยังมีผลกระทบในแง่ดีกับผู้สูงอายุที่มีอาการเริ่มแรกของโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย ฉะนั้นถ้าหากกลัวว่าตัวเองจะเป็นอัลไซเมอร์ตอนแก่ล่ะก็ ควรจะดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนบ้างนะคะ
ดาร์กช็อกโกแลต
ถือเป็นข่าวดีของคนที่ชอบช็อกโกแลตเช่นกัน เพราะว่าในดาร์กช็อกโกแลตมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งเจ้าสารชนิดนี้จะช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด ช่วยต่อสู้กับโรคหัวใจ แถมยังช่วยชะลอผลกระทบที่เกิดจากภาวะสมองเสื่อมได้อีกด้วย โดยการศึกษาในอิตาลีพบว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของโกโก้สูงได้รับผลกระทบจากภาวะสมองเสื่อมน้อยกว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มโกโก้น้อยกว่า ซึ่งการรับประทานดาร์กช็อกโกแลตเพื่อให้ได้ผลก็คือควรจะเลือกชนิดที่มีส่วนผสมของโกโก้ 70% ขึ้นไปค่ะ
โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคที่เราสามารถป้องกันให้ห่างไกลจากความเสี่ยงได้ โดยการรับประทานอาหารที่ช่วยในการบำรุงสมอง และหมั่นฝึกสมองด้วยการเล่นเกมฝึกสมองต่าง ๆ อยู่เสมอ และที่สำคัญควรจะหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ตกอยู่ในความเสี่ยง โดยเฉพาะความเครียดนะคะ เพราะสมองของเรานั่นอ่อนไหวกว่าที่คิด และถ้าหากเกิดความผิดปกติก็ควรจะไปพบแพทย์เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับสมองที่อาจเกิดขึ้นค่ะ
โรคอัลไซเมอร์ โรคร้ายที่คุกคามสมอง ซึ่งเราสามารถหลีกหนีจากความเสี่ยงได้เพียงแค่เลือกกินอาหารให้ถูก
โรคอัลไซเมอร์ พูดถึงชื่อนี้หลายคนก็คงจะรู้จักกันดี ซึ่งโรคนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับสมอง เนื่องจากเซลล์สมองถูกทำลายไปทำให้สูญเสียความทรงจำ นอกจากนี้ยังเป็นโรคที่มักจะเกิดขึ้นผู้สูงอายุอีกด้วย ถึงแม้ว่ามันจะยังดูไกลตัวเรา แต่ก็เป็นโรคที่ประมาทไม่ได้เพราะถ้าหากเป็นแล้วก็ไม่สามารถรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติได้เช่นกัน ดังนั้นการระมัดระวังและอยู่ให้ห่างไกลความเสี่ยงก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราควรจะทำ ซึ่งวิธีหนึ่งที่สามารถดึงเราออกจากความเสี่ยงโรคนี้ได้ก็คือการรับประทานอาหาร แต่อาหารชนิดใดบ้างที่จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ลงได้ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับอาหารลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์มาฝากกันจากเว็บไซต์ huffingtonpost.com อยากมีสุขภาพสมองที่ดีห่างไกลอัลไซเมอร์ต้องรับประทานอาหารเหล่านี้บ่อย ๆ เลยนะคะ
ถั่วเปลือกแข็ง วอลนัท อัลมอนด์ และฮัทเซลนัท เป็นถั่วเปลือกแข็งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันที่สมองต้องการ จากการศึกษาของสถาบัน New York State Institute for Basic Research in Developmental Disabilities กับหนูพบว่า หนูที่ได้รับอาหารที่ผสมกับวอลนัทมีการพัฒนาในเรื่องของความจำและการประสานการสั่งการในสมอง นอกจากนี้ ถั่วเปลือกแข็งอย่างวอลนัท อัลมอนด์ และฮัทเซลนัท ยังมีวิตามินอี และสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยป้องกันความเสียหายของสมองอีกด้วย
ปลาไขมันสูงปลาที่มีไขมันสูงจะมีระดับของไขมันโอเมก้า 3 ที่สูงเช่นกัน ซึ่งปลาเหล่านี้ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอร์เรล ปลาซาร์ดีน เป็นต้น ซึ่งไขมันชนิดนี้จะไปลดระดับของ เบต้า-อะมีลอยด์ (beta-amyloid) ในเลือด ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีส่วนสำคัญต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ โดยมีการแนะนำว่าการรับประทานปลาที่มีไขมันโอเมก้า 3 อย่างน้อยสัปดาห์ละ 8 ออนซ์ (ประมาณ 227 กรัม) จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นอัลไซเมอร์ได้ และควรเป็นปลาสดจะดีที่สุด แต่ถ้าหากคุณมีปัญหาเรื่องไขมันในเลือดสูงด้วยล่ะก็ควรจะปรึกษาแพทย์ดีกว่าค่ะ
เบอร์รีคงจะได้ยินกันบ่อยแล้วใช่ไหมคะว่าพืชตระกูลเบอร์รีเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในพืชตระกูลเบอร์รีอย่างโพลีฟีนอล (Polyphenols) นี่ล่ะค่ะที่มีฤทธิ์ในการหยุดการอักเสบและทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้น ถ้าใครที่ไม่อยากเข้าใกล้ความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ก็ควรที่จะรับประทานเบอร์รีบ่อย ๆ นะคะ
ผักจำพวกผักใบเขียวเข้มผักโขม และคะน้า เป็นหนึ่งในผักจำพวกผักใบเขียวเข้ม ซึ่งมีประโยชน์มากมายจนคุณต้องทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง หรือจะเป็นไฟเบอร์ รวมทั้งวิตามินซี ที่อยู่ในปริมาณสูงเหมาะสำหรับการนำมาใช้ประกอบอาหารเพื่อสุขภาพมากมายแล้ว ยังมีการศึกษาล่าสุดพบว่าเจ้าวิตามินซีที่อยู่ในผักใบสีเขียวเข้มเหล่านี้ยังช่วงป้องกันภาวะสมองเสื่อมและช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย
ขมิ้นขมิ้น สมุนไพรสีเหลือง ๆ ที่ชาวอินเดียมักนิยมมาใช้เป็นเครื่องเทศในการทำแกงกะหรี่ นอกจากจะทำให้สีสันอาหารสวยงามแล้ว ยังสามารถช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย โดยมีการศึกษาจาก UCLA พบว่า วิตามินดีที่อยู่ในสารเคอร์คูมิน (curcumin) ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำลายกรดอะมิโนที่มาจากสมองซึ่งเกี่ยวของกับโรคอัลไซเมอร์ได้ ดังนั้นคราวหน้าถ้าคุณทำอาหารละก็ ลองเอาขมิ้นมาใช้ดูนะคะ
กาแฟข่าวดีสำหรับคอกาแฟ เพราะมีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริด้าและมหาวิทยาลัยไมอามีได้ออกมาเปิดเผยว่าผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี ที่ดื่มกาแฟวันละ 3 แก้ว เป็นโรคอัลไซเมอร์ช้ากว่าผู้ที่ไม่ค่อยดื่มกาแฟ 2 - 4 ปี แถมคาเฟอีนยังมีผลกระทบในแง่ดีกับผู้สูงอายุที่มีอาการเริ่มแรกของโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย ฉะนั้นถ้าหากกลัวว่าตัวเองจะเป็นอัลไซเมอร์ตอนแก่ล่ะก็ ควรจะดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนบ้างนะคะ
ดาร์กช็อกโกแลตถือเป็นข่าวดีของคนที่ชอบช็อกโกแลตเช่นกัน เพราะว่าในดาร์กช็อกโกแลตมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งเจ้าสารชนิดนี้จะช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด ช่วยต่อสู้กับโรคหัวใจ แถมยังช่วยชะลอผลกระทบที่เกิดจากภาวะสมองเสื่อมได้อีกด้วย โดยการศึกษาในอิตาลีพบว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของโกโก้สูงได้รับผลกระทบจากภาวะสมองเสื่อมน้อยกว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มโกโก้น้อยกว่า ซึ่งการรับประทานดาร์กช็อกโกแลตเพื่อให้ได้ผลก็คือควรจะเลือกชนิดที่มีส่วนผสมของโกโก้ 70% ขึ้นไปค่ะ
โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคที่เราสามารถป้องกันให้ห่างไกลจากความเสี่ยงได้ โดยการรับประทานอาหารที่ช่วยในการบำรุงสมอง และหมั่นฝึกสมองด้วยการเล่นเกมฝึกสมองต่าง ๆ อยู่เสมอ และที่สำคัญควรจะหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ตกอยู่ในความเสี่ยง โดยเฉพาะความเครียดนะคะ เพราะสมองของเรานั่นอ่อนไหวกว่าที่คิด และถ้าหากเกิดความผิดปกติก็ควรจะไปพบแพทย์เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับสมองที่อาจเกิดขึ้นค่ะ
