ไวรัสเมอร์ส ใครว่าดื่มฉี่ผสมมะนาวโซดา-กินยาอะม็อกซี แล้วรักษาได้?

          ไวรัสเมอร์สรักษาได้ด้วยการดื่มปัสสาวะผสมมะนาวโซดา หรือทานยาอะม็อกซีจริง ๆ หรือ หลังมีกระแสข่าวว่อนโลกไซเบอร์ รีบมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้ด่วน

          ฮือฮาไม่น้อยกับข้อมูลที่โลกโซเชียลส่งต่อกันระบุว่า หากทานยาปฏิชีวนะจำพวกอะม็อกซี่ หรือดื่มปัสสาวะผสมน้ำมะนาวโซดาจะสามารถฆ่าเชื้อไวรัสเมอร์ส (MERS) ได้ จนคนสงสัยว่าข้อมูลเหล่านี้มาจากไหน แล้วเชื่อได้จริงหรือ รายการปากโป้ง ทางช่อง 8 จึงได้เชิญ ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเปิดเผยความจริงของเรื่องนี้ ก่อนที่คนจะหลงเชื่อ

          โดย ผศ.นพ.พิสนธิ์ ให้ข้อมูลก่อนว่า ไวรัสเมอร์สนั้นก็คล้ายกับไวรัสซาร์ส เพราะเป็นการติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ สามารถติดต่อกันได้ทางการไอจาม ดังนั้นการทำความสะอาดด้วยการล้างมือบ่อย ๆ หรือว่าปิดปากถ้ารู้ตัวมีอาการเจ็บป่วยก็สามารถช่วยได้

          สำหรับยารักษาไวรัสเมอร์สนั้นตอนนี้ยังไม่มีตัวยาไหนที่จะสามารถที่จะรักษาได้โดยตรง แต่โดยปกติแล้วร่างกายคนเราจะมีการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาเมื่อมีไวรัสหรือว่าเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายก็จะกำจัดออกมาเอง ดังนั้นเราต้องพยายามทำร่างกายของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ และไม่อยากให้คนไทยแตกตื่นกับเรื่องนี้ แม้ว่าจะพบผู้ติดเชื้อแล้ว แต่ก็อยู่ในห้องที่ได้รับการดูแลอย่างดี ไม่สามารถที่จะแพร่เชื้อได้ จึงไม่น่าวิตกอะไร


ทานยาอะม็อกซี รักษาไวรัสเมอร์สได้จริงหรือ?

          ในส่วนของกระแสข่าวที่ว่าให้ทานยาอะม็อกซีเพื่อรักษาไวรัสเมอร์สนั้น ผศ.นพ.พิสนธิ์ ระบุว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเมอร์สคือไวรัส แต่ยาอะม็อกซีเป็นยาปฎิชีวนะที่ใช้รักษาแบคทีเรียจึงไม่สามารถที่จะรักษาไวรัสเมอร์สได้เลย ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนเข้าใจว่า การจะทานยาอะไรไปนั้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่ายาแต่ละชนิดนั้นรักษาโรคประเภทไหน เพราะที่ผ่านมา ประชาชนทั่วไปเวลาเจ็บป่วยก็มักจะหายาทานเอง แต่การทำแบบนี้จะมีผลต่อตัวเองอย่างมาก เพราะยาบ้างชนิดเมื่อทานเข้าไปแล้วอาจจะไปทำลายสิ่งที่ดีในร่างกายของเราได้ ดังนั้นทางที่ดีควรหยุดทานยาปฎิชีวนะทุกชนิดด้วยตัวเองดีกว่า

ดื่มน้ำปัสสาวะผสมน้ำมะนาวโซดา ใครว่ารักษาไวรัสเมอร์สได้?

          นอกจากเรื่องยาอะม็อกซีแล้วยังมีข้อความที่แชร์ว่าให้ดื่มน้ำปัสสาวะผสมกับน้ำมะนาวโซดา เพื่อรักษาโรคเมอร์สอีกต่างหาก ซึ่งนายแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาฯ ย้ำเชนเดียวกันว่า ไม่มีข้อมูลจากวงการแพทย์ยืนยันในเรื่องนี้เลย และเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จึงอยากให้ประชาชนไตร่ตรอง และตรวจสอบที่มาของข้อมูลให้ชัดเจนด้วย