อย. ชี้ ยังไม่มีผลวิจัยยืนยัน ทาแป้งจุดซ่อนเร้นเป็นมะเร็งรังไข่

          ทาแป้งจุดซ่อนเร้นทำให้เป็นมะเร็งไข่ได้จริงหรือ อย. ระบุ ขณะนี้ยังไม่มีผลการศึกษายืนยัน แต่แนะไม่ควรโรยแป้งตรงจุดซ่อนเร้น เผย เฝ้าระวังแร่ใยหินปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์มาโดยตลอด

          จากกรณีที่ศาลสหรัฐฯ พิพากษาให้บริษัทผู้ผลิตแป้งเด็กยี่ห้อดังรายหนึ่ง จ่ายค่าเสียหาย 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท ให้กับครอบครัวของหญิงรายหนึ่งที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งรังไข่ หลังเธอใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณอวัยวะเพศมานานหลายปี (อ่านข่าว หญิงทาแป้งจุดซ่อนเร้นเป็นมะเร็งรังไข่เสียชีวิต ศาลสั่งบริษัทแป้งเด็กยี่ห้อดังจ่าย 2 พันล้าน) ทำให้มีการแชร์ข้อมูลส่งต่อกันว่า แร่ทัลค์ (Talc) ที่อยู่ในแป้งฝุ่น เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งรังไข่ ซึ่งก็ได้สร้างความตกใจให้หลายคนที่ติดตามข่าว


          เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2559 เพจเฟซบุ๊ก Fda Thai ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ได้โพสต์ข้อความชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้แป้งฝุ่นโรยตัวว่า สำหรับแป้งฝุ่นโรยตัวมีส่วนผสมหลักคือ ทัลค์ (Talc) หรือ ทัลคัม (Talcum) จะมีอยู่ 2 เกรด คือ 1.ใช้ในอุตสาหกรรม และ 2.ใช้ในการผลิตยา อาหาร และเครื่องสำอาง โดยมาตรฐานความปลอดภัยต้องไม่มีแร่ใยหิน (Asbestos) ปนเปื้อน
         
          วิธีใช้ที่ถูกต้อง
          1. ควรเทใส่มือในปริมาณน้อย ๆ และลูบไล้ที่มือก่อนทาบาง ๆ บนตัว
          2. ไม่ควรโรยแป้งที่ตัวโดยตรง
          3. สตรีไม่ควรโรยแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้น

          อย่างไรก็ตาม อย. ระบุว่า ยังไม่มีผลการศึกษาชัดเจนว่า ทัลคัมก่อให้เกิดโรคมะเร็งรังไข่ กรณีใช้แป้งที่จุดซ่อนเร้นของสตรี ซึ่งทาง อย. มีการเฝ้าระวังการปนเปื้อนของแร่ใยหินในผลิตภัณฑ์มาโดยตลอด ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้แร่ใยหินเป็นวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง โดยจากการตรวจสอบตัวอย่าง 40 ตัวอย่าง เมื่อปี พ.ศ. 2552-2553 และตรวจสอบ 73 ตัวอย่างในปี พ.ศ. 2557-2558 ทั้งหมดไม่พบการปนเปื้อนแร่ใยหินในแป้งฝุ่นโรยตัวแต่อย่างใด

          ทั้งนี้หากตรวจพบแร่ใยหินในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผู้ผลิตจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fda Thai