เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เคยได้ยินกันใช่ไหมว่า หากเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว ห้ามทานยาที่ชื่อว่า "แอสไพริน" อย่างเด็ดขาด แล้วเพราะอะไรผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จึงไม่ควรทานยาแอสไพริน มาหาคำตอบกันเลย
ก่อนอื่นต้องบอกกันก่อนว่า โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการไข้สูง อ่อนเพลีย ตาแดง ปวดเมื่อยตามตัว มีน้ำมูกใส อาเจียน เจ็บคอ แบบไข้หวัด
ทั้งนี้ในผู้ป่วยที่มีไข้สูงนั้น แพทย์จะแนะนำให้ทานยาลดไข้พาราเซตามอล โดยสั่งห้ามใช้ยา "แอสไพริน" ในเด็กและวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมทั้งสตรีที่ให้นมบุตรอย่างเด็ดขาด เนื่องจากการใช้ยาแอสไพรินในเด็ก จะทำให้เกิดรายส์ ซินโดรม (Reye\'s syndrome) ซึ่งเป็นอาการร้ายแรงที่ทำให้อวัยวะต่าง ๆ เสียหายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะทำให้สมองบวม เกิดอาการชัก หมดสติ อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อตับ ทำให้มีไขมันสะสมที่ตับมาก จนตับถูกทำลาย หรือใช้การไม่ได้ ซึ่งหากเป็นมาก ๆ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
และนอกจากยาแอสไพรินแล้ว ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ก็ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะอื่น ๆ เช่น เพนิซิลลิน แอมพิซิลลิน และอะมอกซิซิลลิน เช่นกัน เนื่องจากยาปฏิชีวนะเหล่านี้ใช้สำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่อย่างที่ทราบกันว่า ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ดังนั้นหากใช้ยาปฏิชีวนะมารักษาไข้หวัดใหญ่ ถือเป็นการรักษาที่ไม่ตรงจุด และอาจก่อให้เกิดอาการดื้อยาได้
ทั้งนี้ มีข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดควรพักผ่อนให้มาก ๆ และดื่มน้ำอุ่นบ่อย ๆ ส่วนคนทั่วไปที่ไม่ได้ป่วยเป็นไข้หวัด ก็ควรป้องกันตัวเองด้วยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะสามารถเป็นเกราะป้องกันไข้หวัดได้แล้ว
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
