วิธีกินฟ้าทะลายโจรเสริมภูมิคุ้มกันในช่วงโควิด 19 คนป่วย-ไม่ป่วย กินได้แค่ไหน

          สำหรับประเด็นนี้ แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้ข้อมูลไว้ว่า ฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด 19 ไม่ได้ เนื่องจากสารสำคัญในฟ้าทะลายโจรไม่สามารถป้องกันการเข้าสู่เซลล์ของเชื้อไวรัสได้ จึงห้ามกินเพื่อป้องกันโควิด 19

          ทว่าสรรพคุณของฟ้าทะลายโจรคือมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และอาจช่วยบรรเทาอาการติดเชื้อจากหนักให้เป็นเบาได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรต้องกินฟ้าทะลายโจรในปริมาณที่เหมาะสม

          จากการศึกษาพบว่า หากใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัม ต่อวัน ภายใน 72 ชั่วโมง หลังผู้ป่วยเริ่มแสดงอาการโควิด 19 ฟ้าทะลายโจรจะช่วยให้อาการไอ เจ็บคอ มีเสมหะ มีน้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะ มีอาการดีขึ้นภายใน 3 วัน หลังจากได้รับสารสกัดฟ้าทะลายโจร ที่สำคัญยังไม่พบอาการข้างเคียงและค่าตับ ค่าไต ของผู้ป่วยยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

          ดังนั้นหากในผู้ป่วยโควิด 19 ที่แสดงอาการ แพทย์จึงอาจให้รับประทานสารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัม ต่อวัน โดยกินสารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์ในปริมาณ 20 มิลลิกรัม ครั้งละ 3 แคปซูล แบ่งรับประทาน 3 เวลา คือ ก่อนอาหารเช้า กลางวัน และเย็น ติดต่อกัน 5 วัน หยุดพัก 2 วัน หรือตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ทำการรักษา

          ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2564 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2564 โดยให้เพิ่มยาสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร และยาจากผงฟ้าทะลายโจร ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร เพื่อใช้รักษาโรคโควิด 19 โดยมีเงื่อนไขดังนี้

          1. ใช้กับผู้ป่วยโรคโควิด 19 ที่มีความรุนแรงน้อย เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง
          2. เฉพาะผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่มีการควบคุมปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์
          3. รับประทานในขนาดยาที่มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัม ต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 3 ครั้ง
          4. ใช้ได้โดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
          5. มีการติดตามประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยหลังการใช้อย่างเป็นระบบ

          แม้ฟ้าทะลายโจรจะมีสรรพคุณดีต่อภูมิคุ้มกัน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะกินฟ้าทะลายโจรได้อย่างปลอดภัย เพราะฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นจัด อาจทำให้รู้สึกหนาว มือ เท้า เย็น และมีเสมหะเยอะ หรือทำให้เสมหะหนืดขึ้นได้ โดยเฉพาะในคนกลุ่มนี้ยิ่งไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจรเลยค่ะ

     1. ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A

     2. ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคไตอักเสบ เนื่องจากเคยติดเชื้อ Streptococcus group A

     3. ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจรูมาติก

     4. ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย และมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง หนาวสั่น

     5. ผู้ที่เป็นความดันต่ำ เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดความดันเลือดได้

     6. สตรีมีครรภ์ หญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ รวมทั้งหญิงให้นมบุตร

     7. ผู้มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง โรคไต โรคตับ โรค SLE หรือโรครูมาตอยด์ เพราะอาจทำให้อาการของโรคกำเริบได้

     8. ผู้ที่รับประทานยาในกลุ่มป้องกันเลือดแข็งตัว เช่น วาร์ฟาริน ยาแอสไพริน เป็นต้น 

     9. ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ฟ้าทะลายโจร หรือหากรับประทานครั้งแรกมีผื่นคันขึ้นต้องหยุดใช้

          อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้เข้าข่ายผู้ควรระวังการใช้ฟ้าทะลายโจรตามข้างต้น ทว่าด้วยความที่ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทางยา ดังนั้นแม้จะมีสุขภาพร่างกายปกติดีก็ควรต้องระมัดระวังในการใช้ฟ้าทะลายโจรไว้ด้วย

          หากใช้ฟ้าทะลายโจรไม่ถูกวิธีหรือเกินขนาดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้นจึงควรรู้ข้อควรระวังก่อนกินฟ้าทะลายโจรไว้ด้วยนะคะ เช่น

     * อาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดิน ปวดเอว ใจสั่น หรือวิงเวียนศีรษะ

     * อาจมีอาการแพ้ยา เช่น ปากบวม หน้าบวม ตาบวม แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก

     * หากใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาอาการหวัดติดต่อกัน 3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรหยุดยาและปรึกษาแพทย์

     * ไม่ควรกินฟ้าทะลายโจรติดต่อกันเกิน 5 วัน เพราะอาจเสี่ยงกับอาการที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น ตัวเย็น มีอาการแขน-ขาชาหรืออ่อนแรง โดยเฉพาะหากกินติดต่อกันเกิน 3 สัปดาห์ นอกจากนี้การกินติดต่อกันเป็นเวลานานยังส่งผลเสียต่อตับและไต

     * ฟ้าทะลายโจรอาจบดบังอาการไข้ของโควิด 19 ได้ ดังนั้นควรชั่งน้ำหนักให้ดีว่าจำเป็นต้องกินฟ้าทะลายโจรแค่ไหน ซึ่งหากไม่ได้สัมผัสผู้ป่วยหรือไม่ได้เป็นผู้เสี่ยงสูง อาจไม่จำเป็นต้องกินฟ้าทะลายโจรก็ได้