ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall.ex Nees" และชื่อสามัญว่า "Kariyat" หรือ "The Creat" นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ ตามท้องที่ ได้แก่ หญ้ากันงู (สงขลา) น้ำลายพังพอน ฟ้าละลายโจร (กรุงเทพฯ) ฟ้าสาง (พนัสนิคม) เขยตายยายคลุม สามสิบดี (ร้อยเอ็ด) เมฆทะลาย (ยะลา) ฟ้าสะท้าน (พัทลุง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของฟ้าทะลายโจร
ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร
กิ่งเป็นใบสี่เหลี่ยม ใบเลี้ยงเดี่ยวสีเขียวเข้มเป็นมัน
มีดอกออกที่ปลายกิ่งและซอกใบ ดอกย่อยมีกลีบดอกสีขาว โคนกลีบติดกัน
ปลายแยกเป็น 2 ปาก ปากบนมี 3 กลีบ และมีเส้นสีม่วงแดงพาดอยู่ ส่วนปากล่างมี
2 กลีบ ลักษณะของผล จะเป็นฝัก เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาล
ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น
ทุกส่วนของฟ้าทะลายโจรมีรสขม จึงมีคุณสมบัติเป็นยาได้ดี โดยสรรพคุณหลัก ๆ ของฟ้าทะลายโจร มีดังนี้
2. ต้านไวรัส โดยเฉพาะไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยมีการจดสิทธิบัตรในจีน ว่า สารสำคัญในฟ้าทะลายโจรใช้รักษาและป้องกันการติดเชื้อไวรัสซาร์ส ซึ่งเป็นไวรัสกลุ่มโคโรนาได้
3. ระงับอาการอักเสบ เช่น อาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ขับเสมหะ รักษาโรคผิวหนัง ฝี รวมทั้งลดการอักเสบที่ปอด
4. แก้อาการติดเชื้อ เช่น ท้องเสีย กระเพาะ หรือลำไส้อักเสบ
5. เป็นยาขม ช่วยให้เจริญอาหาร
ทั้งนี้ ฟ้าทะลายโจร สามารถเสริมภูมิต้านทานดีกว่าการใช้ยาปฏิชีวนะ อีกทั้งไม่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน หรือดื้อยา เหมือนยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ ฟ้าทะลายโจร ยังช่วยป้องกันตับจากสารพิษหลาย ๆ ชนิด เช่น จากยาแก้ไข้พาราเซตามอล หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วย
จากการระบาดของโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 ทำให้ฟ้าทะลายโจรก็กลายเป็นสมุนไพรที่ได้รับความสนใจขึ้นมา เพราะเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการปราบโควิด 19 ได้
โดยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 เฟซบุ๊กสมุนไพรอภัยภูเบศร ได้อัปเดตงานวิจัยโดยมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ทำการทดลองเบื้องต้นกับเซลล์ปอดของมนุษย์ และพบว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถยับยั้งเชื้อโคโรนาไวรัสในหลายกระบวนการขั้นตอน ตั้งแต่ยับยั้งการเข้าถึงเซลล์ของไวรัส ยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส ส่งผลให้จำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสลดลง และฟ้าทะลายโจรยังมีสรรพคุณเสริมภูมิคุ้มกัน ยับยั้งเชื้อไวรัสที่ก่อโรคทางเดินหายใจได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนที่ไม่รุนแรงได้ด้วย
และเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2564 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2564 โดยให้เพิ่มยาสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร และยาจากผงฟ้าทะลายโจร ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร เพื่อใช้รักษาโรคโควิด 19 ในผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีความรุนแรงน้อย ภายใต้คำแนะนำของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
วิธีใช้ฟ้าทะลายโจรและปริมาณที่ใช้ตามอาการต่าง ๆ
* ฟ้าทะลายโจร รักษาโควิด 19
สำหรับการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด 19 เพื่อให้ช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัสในเซลล์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำให้ผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานสารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ในปริมาณ 180 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งกินวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน และไม่เกินนี้
แต่สำหรับเด็กอายุ 4-11 ขวบ อาจพิจารณาให้ใช้ขนาด 3-3.5 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน โดยแบ่งให้กินวันละ 3-4 ครั้ง
ส่วนเด็กที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัมขึ้นไป ให้ใช้ขนาดเท่ากับผู้ใหญ่
อ่านต่อได้ที่ วิธีกินฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด 19 ควรใช้อย่างไร ต้องกินวันละเท่าไร
* ป้องกันอาการหวัด
กรณียังไม่มีอาการของหวัด แต่ต้องการเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายไว้ก่อน ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี ให้กินฟ้าทะลายโจร 1 เม็ด 5 วันต่อสัปดาห์ (อาจกินวันเว้นวัน) ต่อเนื่อง 3 เดือน สามารถลดอัตราการเป็นหวัดได้ 33% แต่ทั้งนี้ ผู้ที่จะรับประทานฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกันหวัดนั้นควรเป็นคนกลุ่มเสี่ยง เช่น มีอาการหวัดบ่อย ติดเชื้อง่าย หรือทำงานในสถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่หากเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีอยู่แล้ว ไม่ควรรับประทานฟ้าทะลายโจรโดยไม่จำเป็น* รักษาหวัด (มีอาการไข้ เจ็บคอ เป็นหวัด ปวดหัว ตัวร้อน)
ใช้ใบและกิ่ง 1 กำมือ (แห้งหนัก 3 กรัม สดหนัก 25 กรัม)
ต้มน้ำดื่มก่อนอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หรือเวลามีอาการ
หรือหากเป็นฟ้าทะลายโจรผง ให้นำไปผสมน้ำผึ้งใช้กวาดคอ
หรือหากเป็นยาแคปซูล ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี ให้รับประทานฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 1.5 กรัม หรือ 3 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน เมื่ออาการหายก็หยุดยา แต่ไม่ควรใช้เกิน 14 วัน
* รักษากระเพาะอาหารอักเสบจากเชื้อไวรัส
ให้รับประทานฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 3 เม็ด ก่อนอาหาร 3 เวลา
* แก้ท้องเสีย ท้องเดิน เป็นบิด มีไข้ อาหารเป็นพิษได้
ใช้ทั้งต้น หรือส่วนทั้ง 5 ของฟ้าทะลายโจร ผึ่งลมให้แห้ง หั่นชิ้นเล็ก ๆ
ประมาณ 1 กำมือ (หนักประมาณ 3-9 กรัม) ต้มเอาน้ำดื่มตลอดวัน
หรือให้รับประทานฟ้าทะลายโจร 2-3 เม็ด ก่อนอาหาร 3 เวลา
ฟ้าทะลายโจรจะเข้าไปขับเอาสารพิษในลำไส้ออก
และช่วยลดการระคายเคืองต่อผนังลำไส้ ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้ลง
ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ทั้งนี้ เนื่องจากฟ้าทะลายโจรไม่ใช่ยาหยุดอาการท้องเสียโดยตรง ดังนั้นผู้ป่วยจะยังคงถ่ายเหลวต่อไป หลังจากใช้ยา หากต้องการให้หยุดถ่าย ควรให้สารที่มีรสฝาดร่วมด้วย
เช่น ใบฝรั่ง น้ำชา หรือแป้งกล้วย
* รักษาไข้ไทฟอยด์
ให้รับประทานฟ้าทะลายโจร 2 เม็ด 3 เวลา ก่อนอาหาร เป็นเวลา 3 สัปดาห์
หลังจากนั้นควรกินยาบำรุงฟื้นกำลังผู้ป่วย ฟ้าทะลายโจรจะทำลายเชื้อไทฟอยด์ที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของต่อมน้ำเหลืองในผนังลำไส้เล็ก ลำไส้ที่เป็นอัมพาตอยู่เดิมก็จะเริ่มทำงาน
นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังช่วยเร่งให้ตับสร้างน้ำดี ช่วยย่อยอาหารอีกด้วย
* รักษาโรคตับ
รับประทานฟ้าทะลายโจร 2-3 เม็ด ก่อนอาหาร 3 เวลา และควรให้ยาบำรุงร่วมด้วยหลังจากฟื้นไข้แล้ว
* รักษาโรคงูสวัด
ให้รับประทานฟ้าทะลายโจร 2-3 เม็ด ก่อนอาหาร 3 เวลา เป็นเวลา 3 สัปดาห์
เนื่องจากงูสวัดเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง จะอยู่นาน 3 สัปดาห์
ถ้าให้ฟ้าทะลายโจรครบตามเวลา งูสวัดจะไม่กลับมาเป็นอีก ส่วนตุ่ม แผลพุพอง
ใช้ยาเสลดพังพอนทา หรือใช้ว่านนาคราช หรือใบจักรนารายณ์ ตำใส่สุรา
ใช้ทาหรือพอกก็ได้
* รักษาแผลจากโรคเบาหวาน
สามารถใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาแผลอักเสบเนื่องจากเบาหวานได้ เพราะฟ้าทะลายโจรทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ใช้ได้ทั้งกิน ทั้งทา
* รักษาโรคเบาหวาน
ใช้ต้นฟ้าทะลายโจร และว่านเอ็นเหลือง กระชาย ทำเป็นยาเม็ดกิน
* รักษาริดสีดวงทวาร
ให้รับประทานฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 2-3 เม็ด ก่อนอาหาร 3 เวลา และก่อนนอน
อาการเลือดออกหรือปวดถ่วงจะหายไป และถ่ายได้สะดวกเป็นปกติ
รูปแบบการนำฟ้าทะลายโจรไปใช้
1. ใช้ในรูปยาต้ม เก็บใบและลำต้นเหนือดินในช่วงที่เริ่มมีดอก ใช้เวลาปลูกประมาณ 3 เดือน ล้างให้สะอาด สับเป็นท่อนสั้น ๆ ประมาณ 1 กำมือ
ต้มกับน้ำ 10-15 นาที ดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง แก้เจ็บคอได้
หากจะใช้แก้ท้องเสีย แก้บิด ให้ใช้ 2-3 กำมือ
2. ใช้ในรูปยาลูกกลอน โดยนำใบและกิ่งมาล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง บดให้เป็นผง
ปั้นผสมกับน้ำผึ้งเป็นเม็ดขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย ผึ่งให้แห้ง รับประทานครั้งละ 3-6 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
3. ใช้ในรูปยาแคปซูล โดยใช้ผงใบและลำต้นบรรจุลงในแคปซูล ใช้รับประทานก่อนอาหารและก่อนนอน
เพื่อให้สะดวกในการรับประทาน เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีรสขมมาก
จึงนิยมใช้ในรูปยาลูกกลอนและรูปยาแคปซูล
4. ใช้ในรูปยาดองเหล้า นำใบฟ้าทะลายโจรแห้งขยำให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ในขวดแก้ว
แช่ด้วยเหล้าโรงพอท่วมยา ปิดฝาให้แน่น เขย่าขวดหรือคนยาวันละครั้ง เมื่อครบ
7 วัน กรองเอาแต่น้ำเก็บไว้ในขวดที่มิดชิดและสะอาด รับประทานครั้งละ 1-2
ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหาร
5. ใช้ใบค่อนข้างแก่ประมาณ 1 กำมือ ตำผสมเกลือเล็กน้อย เติมเหล้าครึ่งถ้วยยา น้ำครึ่งช้อนชา
คนให้เข้ากันแล้วรินเอาน้ำดื่ม ส่วนกากที่เหลือนำไปใช้พอกแผล-ฝี
แล้วใช้ผ้าสะอาดพันไว้
บุคคลที่ไม่ควรใช้ฟ้าทะลายโจร
1. ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A
2. ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคไตอักเสบ เนื่องจากเคยติดเชื้อ Streptococcus group A
3. ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจรูมาติก
4. ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย และมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง หนาวสั่น
5. ผู้ที่เป็นความดันต่ำ เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดความดันเลือดได้
6. สตรีมีครรภ์ ผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้ฟ้าทะลายโจร
1. ฟ้าทะลายโจรอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเดิน ปวดเอว
หรือวิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ในผู้ป่วยบางราย หากมีอาการดังกล่าวควรหยุดใช้ฟ้าทะลายโจร
2. หากมีอาการแพ้ยา เช่น ปากบวม หน้าบวม ตาบวม แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ผื่นขึ้น ให้หยุดใช้ยาทันทีและห้ามกินฟ้าทะลายโจรอีก
3. หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้แขนขามีอาการชาหรืออ่อนแรง เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์เย็น ดังนั้น จึงไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 3 สัปดาห์
4. หากใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาอาการไข้หวัดติดต่อกัน 3 วัน แล้วไม่หาย หรือมีอาการรุนแรงขึ้นระหว่างใช้ยา ควรหยุดใช้และไปพบแพทย์
rspq.or.th