หูอื้อบ่อย ๆ อยากหายต้องลองวิธีแก้หูอื้อ ปราบอาการหูดับไปด้วยในตัว ซึ่งไม่ว่าจะหูอื้อข้างเดียวหรือหูอื้อตอนไหน ยังไง วิธีเหล่านี้ก็จัดการให้คุณได้หมด
อาการหูอื้อ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Tinnitus ซึ่งนอกจากอาการหูอื้อแล้ว ขณะที่เกิดอาการหูอื้อเรายังจะได้ยินเสียงดังในหู คล้ายกับมีแมลงบินในหู หรืออาจได้ยินเป็นเสียงหวีดแหลม ไม่ก็เสียงตุบ ๆ เหมือนได้ยินเสียงชีพจรของตัวเองเต้น แต่ถึงแม้จะได้ยินเสียงในหูหลากหลายเสียงก็ใช่ว่าหูอื้อแล้วจะสนุกใช่ไหมล่ะ เพราะอาการหูอื้อทำให้เราหูดับ ได้ยินเสียงจากสภาพแวดล้อมไม่ค่อยชัด แถมบางคนยังหูอื้อข้างเดียว เสียสมดุลการฟังกันไปอีก แบบนี้ต้องลองวิธีแก้หูอื้อให้เด็ดขาด ด้วยวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ทว่าก่อนเราจะมาดูวิธีแก้หูอื้อเบื้องต้น ลองทำความเข้าใจกันก่อนค่ะว่า อาการหูอื้อเกิดจากอะไรได้บ้าง
หูอื้อ เกิดจากอะไร
บางเคสของอาการหูอื้อก็ไม่เป็นอันตราย แต่บางเคสก็อาจบอกใบ้ได้ว่าเรามีโรคภัยน่ากลัวซ่อนอยู่ โดยสาเหตุของอาการหูอื้อ อาจมีได้ดังนี้ค่ะ
หูอื้อ กับสาเหตุที่เกิดจากโรค
-
หูอื้อจากไข้หวัด โดยอาจเกิดจากท่อยูสเตเชียน
ที่อยู่ระหว่างหูชั้นกลางกับบริเวณลำคอด้านหลังโพรงจมูก
ซึ่งมีหน้าที่ปรับความดันภายในหูชั้นกลางกับบรรยากาศภายนอกทำงานผิดปกติไป
ก่อให้เกิดอาการหูอื้อ
หรืออาจเกิดจากหูชั้นกลางติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียจากหวัดจนอักเสบ
ทำให้หูอื้อได้เช่นกัน
- โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
- โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดอย่างโรคเส้นเลือดในสมองตีบ เนื้องอกในสมอง
- โรคโลหิตจาง
- โรคภูมิแพ้ตัวเอง
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- โรคเกล็ดเลือดสูงผิดปกติ
- โรคยูริกในเลือดสูง
- โรคไต
- เบาหวาน
- ความดันโลหิตสูง
- ภาวะไขมันในเลือดสูง
หูอื้อ กับสาเหตุที่ไม่ได้เกิดจากโรค
- ประสาทหูเสื่อมตามอายุขัย เมื่ออายุมากขึ้น ประสาทหูก็อาจเสื่อมสภาพลงได้เช่นกัน
- ภาวะน้ำเข้าหู ส่งผลให้ขี้หูอมน้ำและบวมจนอุดตันช่องหูชั้นนอก ก่อให้เกิดอาการหูอื้อ เช่น หลังจากสระผม อาบน้ำ ว่ายน้ำ ดำน้ำ
- การมีขี้หูมากเกินไป
- มีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู เช่น แมลงเข้าหู
- ความเครียด ซึมเศร้า
- หูอื้อจากการเปลี่ยนความดันอากาศ ไม่ว่าจะขึ้นเครื่องบิน หรือดำน้ำ ความกดอากาศบนท้องฟ้ากับใต้น้ำลึกอาจทำให้หูชั้นกลางอักเสบจนอื้อได้
- การใช้ยาที่เป็นพิษต่อประสาทหูเป็นเวลานาน ๆ เช่น ยาซาลิไซเลต, ยาควินิน, ยาแอสไพริน, ยาปฏิชีวนะกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์, ยาขับปัสสาวะ, ยารักษาโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น
- การผ่าตัดหูที่มีการกระทบกระเทือนต่อหูชั้นใน
- ภาวะมีรูรั่วติดต่อระหว่างหูชั้นกลางและหูชั้นใน
- การติดเชื้อของหูชั้นใน เช่น ติดเชื้อจากซิฟิลิส ไวรัสเอดส์
ทั้งนี้ สาเหตุของอาการหูอื้อยังอาจเกิดจากปัจจัยหรือผลข้างเคียงของโรคอื่น
ๆ ได้อีก ซึ่งในส่วนนี้ต้องให้แพทย์เฉพาะทางเป็นผู้วินิจฉัยนะคะ
วิธีแก้หูอื้อเบื้องต้น
1. บีบจมูก กลืนน้ำลาย
ในเคสที่หูอื้อเพราะดำน้ำหรือขึ้นเครื่องบิน ซึ่งอาการเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศ เราสามารถแก้อาการหูอื้อได้ง่าย ๆ ด้วยการทำ Toynbee Maneuver คือ บีบจมูกทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับกลืนน้ำลาย 1 ครั้ง จากนั้นเอามือที่บีบจมูกออก แล้วกลืนน้ำลายอีก 1 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยให้ท่อยูสเตเชียนเปิดและปิด แก้อาการหูอื้อได้
2. รักษาหวัดให้หาย
ในกรณีที่หูอื้อเพราะเป็นหวัด แนะนำให้รักษาอาการหวัดให้หายดี แต่หากหวัดหายแล้วยังหูอื้ออีก ให้พบแพทย์เพื่อหาสาเหตุอีกที
3. เติมวิตามินให้ร่างกาย
Michael Seidman หัวหน้าศูนย์แพทย์ Center for Integrative Medicine เผยงานวิจัยว่า อาการหูอื้ออาจเกิดเพราะร่างกายเราขาดวิตามิน B12 และซิงก์ ซึ่งเป็นวิตามินตัวสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะประสาทหูเสื่อมจากสาเหตุใดก็ตาม ดังนั้น การกินวิตามิน B12 วันละ 25-50 มิลลิกรัม และซิงก์วันละ 30 มิลลิกรัม จะช่วยบำรุงระบบประสาท รวมทั้งแก้อาการหูอื้อได้ ทว่าวิธีนี้จะเห็นผลเพียง 30-40% เท่านั้นนะคะ
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ประสาทหูที่เสื่อมเฉียบพลันก็ต้องการการฟื้นฟูเหมือนอวัยวะอื่น ๆ เช่นกัน ดังนั้นคนที่หูอื้อไม่ยอมหาย ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนของตัวเองบ้างก็ดี โดยพยายามนอนก่อน 4 ทุ่ม หรือพักผ่อนไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน
5. กำจัดขี้หู
อาการหูอื้อบางครั้งอาจเกิดจากการมีขี้หูอุดตัน ดังนั้นการกำจัดขี้หูออกจึงเป็นวิธีแก้หูอื้ออีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ สำหรับคนที่มีอาการหูอื้อ ขอให้หลีกเลี่ยงการแคะหูด้วยตัวเอง แต่ให้พบแพทย์เพื่อทำการกำจัดขี้หูออกให้ ซึ่งจะปลอดภัยและช่วยแก้หูอื้อได้มากกว่า รวมทั้งยังเป็นการไปหาสาเหตุของอาการหูอื้อที่ถูกต้องและตรงจุด ซึ่งจะช่วยแก้หูอื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. เอียงศีรษะเพื่อเอาน้ำในหูออก
ถ้ารู้สึกเหมือนน้ำเข้าหูและทำให้หูอื้อ ควรเอียงศีรษะข้างที่มีน้ำเข้าหูลงต่ำ ดึงใบหูให้กางออกและเฉียงไปทางด้านหลัง ซึ่งจะทำให้ใบหูราบตรง ต่างจากลักษณะปกติที่ใบหูจะเป็นรูปตัว S คราวนี้น้ำก็จะไหลออกจากหูได้สะดวก และส่วนมากก็จะพาเอาอาการหูอื้อหายไปด้วย ทว่าหากใครยังหูอื้ออยู่ เคสนี้ต้องขอให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางแล้วล่ะค่ะ
7. เคี้ยวหมากฝรั่ง
การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ซึ่งเมื่อเรากลืนน้ำลายบ่อย ๆ จะทำให้ท่อยูสเตเชียนเปิดออก เป็นการปรับแรงดันในหูทั้งภายในและภายนอกให้เท่ากัน
8. ดื่มน้ำ
การดื่มน้ำก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยแก้หูอื้อได้ เพราะเมื่อเรากลืนน้ำหรือเครื่องดื่มใด ๆ ท่อยูสเตเชียนจะเปิดออก ทำให้แรงดันในหูเท่ากันทั้งด้านในและด้านนอก
หูอื้อ วินิจฉัยอย่างไร
หูอื้อ รักษาอย่างไร
หากลองรักษาเบื้องต้นแล้วไม่หาย แนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทาง โดยแพทย์จะวินิจฉัยสาเหตุของอาการหูอื้อ และรักษาตามสาเหตุที่เป็น ซึ่งอาจจะทำการรักษาด้วยยา เช่น ยาขยายหลอดเลือด เพื่อเพิ่มเลือดไปเลี้ยงหูชั้นในมากขึ้น ยาบำรุงประสาทหู ยาหยอดละลายขี้หู ถ้ามีอาการอักเสบก็อาจให้ยาปฏิชีวนะ เป็นต้น หรืออาจรักษาด้วยการผ่าตัด แล้วแต่เคสนั้น ๆ ไป
เป็นหวัดแล้วหูอื้อ มีวิธีแก้ไหม
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ข้อมูลว่า เมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสก่อโรคหวัด ไวรัสนั้นจะไปทำให้ท่อที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลางกับช่องลำคอมีอาการอักเสบและบวม ความดันในหูชั้นกลางจึงเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีอาการหูอื้อขณะเป็นหวัดหรือหูอื้อหลังหายหวัด อาจเป็นหูอื้อข้างเดียว หรือหูอื้อทั้งสองข้าง
สำหรับวิธีแก้หูอื้อเมื่อเป็นหวัดก็คือ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด เนื่องจากมีรายงานพบว่า อาการหูอื้อหลังหวัดมักสัมพันธ์กับความเครียดและการพักผ่อนไม่พอ นอกจากนี้ แนะนำให้คนที่มีอาการหูอื้อดื่มน้ำอุ่นให้มากขึ้น เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผัก-ผลไม้ ออกกำลังกาย และไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดัง หากปฏิบัติตัวตามนี้แล้วยังไม่หายจากอาการหูอื้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหูและโพรงจมูก
สำหรับวิธีแก้หูอื้อเมื่อเป็นหวัดก็คือ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด เนื่องจากมีรายงานพบว่า อาการหูอื้อหลังหวัดมักสัมพันธ์กับความเครียดและการพักผ่อนไม่พอ นอกจากนี้ แนะนำให้คนที่มีอาการหูอื้อดื่มน้ำอุ่นให้มากขึ้น เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผัก-ผลไม้ ออกกำลังกาย และไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดัง หากปฏิบัติตัวตามนี้แล้วยังไม่หายจากอาการหูอื้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหูและโพรงจมูก
วิธีป้องกันหูอื้อ
ถ้าไม่อยากรำคาญกับอาการหูอื้อ เรามีวิธีป้องกันหูอื้อมาฝาก
- หลีกเลี่ยงเสียงดัง เช่น ปรับเสียงโทรทัศน์ให้เบาลง ไม่อยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดัง อย่างถนนใหญ่ บริเวณก่อสร้าง คอนเสิร์ต หากไม่สามารถเลี่ยงสถานที่ดังกล่าวได้ควรใส่ที่อุดหูป้องกัน
- เคี้ยวหมากฝรั่งหรือพยายามกลืนน้ำลายบ่อย ๆ ขณะโดยสารเครื่องบิน เพื่อให้ท่อยูสเตเชียนเปิดและปิดอยู่ตลอดเวลา ป้องกันอาการหูอื้อได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีพิษต่อประสาทหูถ้าไม่จำเป็น เช่น แอสไพริน, ยาซาลิไซเลต, ยาควินิน เป็นต้น
- ลดอาหารเค็มหรือเครื่องดื่มบางประเภทที่มีสารกระตุ้นประสาท เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม
- งดสูบบุหรี่ เพราะนิโคตินอาจขัดขวางการลำเลียงเลือดไปยังประสาทหูได้
- รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ๆ พยายามระมัดระวังเหตุที่จะกระทบกระเทือนไปถึงหูได้
- พยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย
- ลดความเครียด วิตกกังวล
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ควบคุมโรคที่เป็นให้ดี โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคกรดยูริกในเลือดสูง โรคซีด โรคเลือด เป็นต้น
- เมื่อเครื่องบินกำลังเพิ่มหรือลดเพดานบิน ควรนั่งเครื่องบินในท่าตรง ไม่นอนหลับ เพราะการอยู่ในท่านอนจะทำให้ท่อยูสเตเชียนเปิดยากกว่าท่านั่ง จึงมีอาการหูอื้อง่ายกว่า
ส่วนมากแล้วอาการหูอื้อจะไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไร
เป็นสักพักก็อาจหายไปได้เองในบางกรณี แต่สำหรับคนที่หูอื้อมานาน
ทำท่าว่าจะเรื้อรัง อยากให้ไปปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุดนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหู
- ขี้หูเปียก ผิดปกติไหม เกิดจากปัญหาสุขภาพด้านไหนหรือเปล่า
- ขี้หูอุดตันทำไงดี มีวิธีกำจัดขี้หูด้วยตัวเองไหม
- หินปูนในหูหลุด เกิดจากอะไร สังเกตจากอาการเวียนหัว เดินเซ
- เสียงดังวิ้งในหู เกิดจากอะไร รักษาเสียงแว่วในหูยังไงได้บ้าง
- แมลงเข้าหู ควรทำอย่างไร วิธีปฐมพยาบาลง่าย ๆ ยามฉุกเฉิน
- ขี้หูอุดตันทำไงดี มีวิธีกำจัดขี้หูด้วยตัวเองไหม
- หินปูนในหูหลุด เกิดจากอะไร สังเกตจากอาการเวียนหัว เดินเซ
- เสียงดังวิ้งในหู เกิดจากอะไร รักษาเสียงแว่วในหูยังไงได้บ้าง
- แมลงเข้าหู ควรทำอย่างไร วิธีปฐมพยาบาลง่าย ๆ ยามฉุกเฉิน
ขอบคุณข้อมูลจาก : หมอชาวบ้าน, ราชวิทยาลัย โสต คอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย, คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล (2), รายการชัวร์ก่อนแชร์, สสส., prevention, webmd, reader’s digest, wikihow