
วิตามินซีเม็ดฟู่
ต่างกับวิตามินซีเม็ดอย่างไร
วิตามินซีเม็ดฟู่ แตกต่างจากวิตามินซีแบบเม็ดหรือแคปซูลหลายข้อ ที่เห็นชัด ๆ ก็อย่างเช่น
-
รูปแบบการรับประทาน : วิตามินซีแบบเม็ดหรือแคปซูลจะต้องกลืนพร้อมน้ำ หรือเป็นแบบเม็ดอมไว้ในปาก แต่วิตามินซีเม็ดฟู่ต้องนำไปละลายในน้ำก่อนดื่ม
-
ความสะดวกในการรับประทาน : คนที่มีปัญหากลืนยาเม็ดหรือผู้สูงอายุอาจไม่สะดวกที่จะรับประทานวิตามินซีแบบเม็ด แต่สามารถเลือกรับประทานแบบเม็ดฟู่ที่กินได้ง่ายกว่า
-
การดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย : วิตามินซีแบบเม็ดฟู่ที่เข้าสู่ร่างกายจะอยู่ในรูปแบบสารละลาย จึงถูกดูดซึมได้ง่ายและเร็วกว่า ไม่ต้องรอให้แตกตัวในกระเพาะอาหารเหมือนกับวิตามินซีแบบเม็ด
-
การระคายเคืองกระเพาะอาหาร : วิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรด หากกินแบบเม็ดขณะท้องว่างหรือกินในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอาการไม่สบายท้องหรือระคายเคืองกระเพาะอาหารได้ แต่สำหรับวิตามินซีเม็ดฟู่ เมื่อละลายในน้ำแล้วจะมีความเป็นกรดลดลง หรือมีการปรับค่า pH ให้เป็นกลางมากขึ้น ทำให้อ่อนโยนต่อกระเพาะอาหารมากกว่า
-
ปริมาณโซเดียม : วิตามินซีเม็ดฟู่มักมีส่วนผสมของโซเดียม ในขณะที่วิตามินซีแบบเม็ดไม่มีโซเดียมเหมือนเม็ดฟู่
-
รสชาติ : วิตามินซีแบบเม็ดหรือแคปซูลจะออกรสขม แต่วิตามินซีเม็ดฟู่สามารถใส่สี แต่งกลิ่น แต่งรสให้น่ารับประทานได้
- ราคา : วิตามินแบบเม็ดมีราคาย่อมเยากว่าวิตามินแบบเม็ดฟู่
วิตามินซีเม็ดฟู่ ช่วยอะไร

ประโยชน์ของวิตามินซีเม็ดฟู่ก็ไม่ต่างจากวิตามินซีในรูปแบบอื่น ๆ โดยข้อดีหลัก ๆ มีดังนี้
-
มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่คอยต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่รุกรานเข้ามาในร่างกาย และปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ
-
มีส่วนช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการเจ็บป่วยโรคทางเดินหายใจ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่
-
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง จึงมีบทบาทในการช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ จากสารอนุมูลอิสระทั้งหลายที่ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งนำไปสู่โรคเรื้อรังต่าง ๆ
-
มีส่วนช่วยป้องกันอาการเลือดออกตามไรฟัน และยังส่งเสริมสุขภาพเหงือกและฟันให้แข็งแรง
-
มีส่วนช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น รวมทั้งช่วยในเรื่องการสมานแผล
-
วิตามินซีมีส่วนช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยให้ผิวพรรณดูกระจ่างใสขึ้น ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ และเป็นเกราะป้องกันผิวจากความเสียหายที่เกิดจากรังสี UV
-
ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร โดยวิตามินซีจะเปลี่ยนธาตุเหล็กจากพืชให้เป็นรูปแบบที่ดูดซึมง่าย จึงเป็นประโยชน์อยางยิ่งต่อคนที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ และอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคโลหิตจางในผู้ที่มีแนวโน้มจะขาดธาตุเหล็กได้
-
มีงานวิจัยพบว่า วิตามินซีอาจช่วยลดระดับความดันโลหิตได้ทั้งในผู้ที่มีและไม่มีภาวะความดันโลหิตสูง เนื่องจากวิตามินซีอาจช่วยคลายหลอดเลือดที่ส่งเลือดจากหัวใจ
-
อาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ โดยมีงานวิจัยพบว่า ผู้ที่รับประทานวิตามินซีเสริมอย่างน้อย 700 มิลลิกรัม/วัน มีความเสี่ยงของโรคหัวใจลดลง 25% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารเสริมวิตามินซี ในขณะที่การศึกษาอื่น ๆ ก็สอดคล้องไปในทางเดียวกัน โดยผู้ที่รับประทานวิตามินซีอย่างน้อย 500 มิลลิกรัม/วัน มีระดับไขมันชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลง ซึ่งไขมันทั้งสองชนิดเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ ทั้งนี้การรับประทานวิตามินซีจากอาหารก็มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคหัวใจที่ลดลงเช่นกัน
-
วิตามินซีช่วยลดกรดยูริกในเลือดและอาจส่งผลให้ป้องกันการเกิดโรคเกาต์ได้ ดังการศึกษาชิ้นหนึ่งที่พบว่า ผู้วิจัยที่รับประทานวิตามินซีมากที่สุดมีระดับกรดยูริกในเลือดต่ำกว่าผู้ที่บริโภควิตามินซีน้อยที่สุดอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้งานวิจัยอีกชิ้นก็ระบุว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเสริมวิตามินซีมีความเสี่ยงต่อโรคเกาต์ลดลง 44%
วิธีเลือกซื้อวิตามินซีเม็ดฟู่

ถ้าอยากซื้อวิตามินซีเม็ดฟู่ เราควรเลือกแบบไหน ต้องพิจารณาอะไรบ้าง มาดูกัน
-
พิจารณาแหล่งที่มาของวิตามินซี ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิดหลัก ๆ คือ
-
วิตามินซีสังเคราะห์ : มีโครงสร้างทางเคมีเหมือนกับกรดแอสคอร์บิกที่พบในธรรมชาติ เป็นชนิดที่หาซื้อง่าย มีราคาถูก แต่มักจะมีความเป็นกรดสูง อาจระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารได้มากกว่า จึงไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหากระเพาะอาหาร
-
วิตามินซีธรรมชาติ : เป็นวิตามินซีที่สกัดมาจากพืชผัก-ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น คามูคามู อะเซโรลาเชอร์รี ซิตรัส เป็นต้น มักจะมาพร้อมกับไบโอฟลาโวนอยด์และสารพฤกษเคมีอื่น ๆ ซึ่งช่วยเสริมการดูดซึมได้ดีขึ้น อีกทั้งอ่อนโยนต่อกระเพาะอาหารมากกว่า แต่ก็มีราคาสูงกว่าวิตามินซีสังเคราะห์ และปริมาณวิตามินซีที่แน่นอนมีน้อยกว่า เช่น หากบนฉลากระบุว่า 1,000 มิลลิกรัม ของสารสกัดอะเซโรลาเชอร์รี อาจมีวิตามินซีจริง ๆ แค่ 100-200 มิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารสกัด
-
-
พิจารณาชนิดของวิตามินซีที่ต้องการ
-
บางสูตรมีส่วนผสมของวิตามินซีเพียงชนิดเดียว เหมาะกับคนที่ต้องการประโยชน์จากวิตามินซีแบบเต็มแมกซ์ หรือมีภาวะขาดวิตามินซีเพียงอย่างเดียว
-
บางสูตรมีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุชนิดอื่นที่ช่วยเสริมการทำงานของวิตามินซีด้วย อาทิ วิตามินดี สังกะสี ไบโอฟลาโวนอยด์ เควอซิทิน ซีลีเนียม วิตามินบี ฯลฯ ซึ่งก็มักจะมีราคาสูงกว่า
-
-
ตรวจสอบปริมาณของกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) ที่ผลิตภัณฑ์นั้นให้ต่อหน่วยบริโภค เพื่อจะได้ทราบปริมาณวิตามินซีที่เราได้รับจริง ๆ โดยในคนที่มีภาวะขาดวิตามินซี ต้องการวิตามินซีเข้มข้นสูง ควรเลือกยี่ห้อที่ให้ปริมาณวิตามินซี 500-1,000 มิลลิกรัม/เม็ด
-
เลือกตามรสชาติที่ชอบ ซึ่งผู้ผลิตมักจะแต่งกลิ่น แต่งรส เพื่อให้วิตามินเม็ดฟู่มีรสชาติอร่อย รับประทานง่าย
-
หากต้องควบคุมโซเดียมควรเลือกซื้อวิตามินซีเม็ดฟู่ที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ โดยตรวจสอบข้อมูลได้จากฉลากโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์
-
สำหรับผู้ที่ต้องควบคุมระดับน้ำในเลือดหรือกำลังลดน้ำหนัก ควรเลือกซื้อวิตามินซีเม็ดฟู่ที่ไม่เติมน้ำตาล หรือมีน้ำตาลน้อยที่สุด โดยอ่านจากฉลากโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์
-
เลือกซื้อวิตามินซีเม็ดฟู่จากบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีการรับรองจาก อย. หรือหน่วยงานอื่น ๆ หากซื้อผ่านช้อปปิ้งออนไลน์ควรซื้อจากร้านค้าทางการ ร้านขายยา หรือร้าน Mall
-
อ่านข้อมูลบนฉลากโภชนาการอย่างละเอียด เพื่อดูส่วนประกอบ คุณค่าทางโภชนาการ วิธีรับประทาน รวมทั้งคำเตือนต่าง ๆ เช่น ข้อมูลสารก่อภูมิแพ้ เนื่องจากบางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมของกลูเตน แล็กโทส เป็นต้น
วิตามินซีเม็ดฟู่ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025
1. วิตามินซีเม็ดฟู่ Demosana

ภาพจาก : Tops Vita Official Store
วิตามินซีเม็ดฟู่ เยอรมนี มีอยู่หลายแบรนด์ อย่างหลอดนี้เป็นของดีโมซานา (Demosana) ซึ่งให้เลือกทั้งรสส้ม รสเลมอน 1 เม็ดจะให้วิตามินซีจากกรดแอล-แอสคอร์บิก 100% ในปริมาณ 46 มิลลิกรัม ผสมลงในน้ำแล้วละลายง่าย ดูดซึมง่าย ไม่มีแคลอรี เหมาะกับคนที่ต้องการเริ่มดูแลระบบภูมิคุ้มกัน
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด ละลาย 1 เม็ดในน้ำเปล่า 200 มิลลิลิตร
-
ราคาปกติ : 1 หลอด (20 เม็ด) 145 บาท
2. วิตามินซีเม็ดฟู่ Redoxon C D plus Zinc

ภาพจาก : redoxon.co.th
วิตามินซีเม็ดฟู่ เรด็อกซอน ซี ดี พลัส ซิงค์ หลอดนี้ให้วิตามินซีมาเต็มแมกซ์ 1,000 มิลลิกรัม และยังมีส่วนผสมของวิตามินดี 400IU รวมถึงแร่ธาตุสังกะสี 10 มิลลิกรัม ซึ่งทั้ง 3 ชนิดมีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และการต้านทานโรคของร่างกาย ใช้สำหรับรักษาอาการขาดวิตามินซี วิตามินดี และสังกะสี ในภาวะที่ร่างกายมีความต้องการเพิ่มขึ้น ได้รับไม่เพียงพอ หรือมีความเสี่ยงว่าจะมีการขาดเกิดขึ้น หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
-
วิธีรับประทาน : ละลายเม็ดฟู่ในน้ำเย็น 1 แก้ว ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี รับประทานวันละ 1 เม็ด
-
ราคาปกติ : 1 หลอด (15 เม็ด) 190 บาท
3. วิตามินซีเม็ดฟู่ Swisse Ultiboost High Strength Vitamin C 1000 mg

ภาพจาก : Swisse Overseas
สำหรับคนที่อยากได้วิตามินซีแบบเพียว ๆ น่าจะถูกใจ Swisse Ultiboost High Strength Vitamin C 1000 mg วิตามินซีแบรนด์นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่ง 1 เม็ดประกอบด้วยวิตามินซีจากกรดแอสคอร์บิก 1,000 มิลลิกรัม ช่วยเติมวิตามินซีให้กับร่างกายเต็มโดส รสชาติอร่อยจากกลิ่นสตรอว์เบอร์รี ให้ความหวานด้วยซอร์บิทอลและซูคราโลส แต่คนที่แพ้กลูเตนต้องระวัง เพราะแบรนด์นี้มีส่วนผสมของกลูเตนด้วย
-
วิธีรับประทาน : ละลายน้ำวันละ 1 เม็ด หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เมื่อละลายแล้วให้รับประทานทันที
-
ราคาปกติ : 1 หลอด (20 เม็ด) 460 บาท
4. วิตามินซีเม็ดฟู่ Atlanta Quercetin+ Vitamin C 1000 mg

ภาพจาก : AtlantaHealthcare
แอตแลนต้า (Atlanta) อีกหนึ่งแบรนด์วิตามินซีเม็ดฟู่ที่มีมาตรฐานการผลิตจากประเทศเยอรมนี ในแต่ละเม็ดให้สารอาหาร 3 ชนิดที่มีส่วนช่วยเรื่องภูมิคุ้มกัน ทำงานร่วมกับแบบ Tri Immune Booster Formula ทั้งวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม เควอทิซิน 100 มิลลิกรัม และซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ 100 มิลลิกรัม ที่ช่วยให้วิตามินซีดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น ดื่มง่าย เพราะมีรสชาติทรอปิคอล ให้ความรู้สึกเหมือนกินผลไม้ ไม่มีน้ำตาลด้วยนะ เหมาะกับคนที่เป็นหวัดง่าย ต้องเผชิญฝุ่นควันทั้งวัน หรืออยากดูแลภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวม
-
วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 1 เม็ด โดยละลายวิตามินเม็ดฟู่ 1 เม็ด ในน้ำ 200-250 มิลลิลิตร ดื่มให้หมดทันทีหลังวิตามินเม็ดฟู่ละลายน้ำ
-
ราคาปกติ : 1 หลอด (15 เม็ด) 490 บาท
5. วิตามินซีเม็ดฟู่ Viboosta สูตร Acerola Cherry Plus

ภาพจาก : Viboosta Thailand
ใครอยากกินวิตามินซีเพื่อดูแลผิวพรรณ ลองมาดูวิตามินซีเม็ดฟู่จากไวบูสตา (Viboosta) สูตรนี้ให้วิตามินซีจากธรรมชาติที่สกัดมาจาก Acerola Cherry ในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าวิตามินซีจากธรรมชาติจะออกฤทธิ์ได้ดีและเร็วกว่าวิตามินซีสังเคราะห์ทั่วไป อีกทั้งเป็นสารสกัดที่มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิว มาพร้อมกับซิตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ และกรดแอสคอร์บิกที่มีส่วนช่วยเรื่องซ่อมแซมเซลล์ผิวและสมานแผล ดีต่อผิวแบบคูณสาม
-
วิธีรับประทาน : ใส่เม็ดวิตามิน 1 เม็ดลงในน้ำอุณหภูมิห้อง ประมาณ 200 มิลลิลิตร ใช้ช้อนคนให้ละลาย และรับประทาน
-
ราคาปกติ : 1 หลอด (20 เม็ด) 159 บาท
6. วิตามินซีเม็ดฟู่ Swiss Energy Dr.Frei Vitamin C

ภาพจาก : Swiss Energy & Dr.Frei Mall
วิตามินซีเม็ดฟู่เกรดยา 1,000 มิลลิกรัม จากผลไม้ตระกูลซิตรัส แบรนด์สวิส เอ็นเนอร์จี้ ดร.ฟราย มาพร้อมกลิ่นเลมอน อร่อยซ่า สดชื่น แบบไม่เติมน้ำตาล ไม่มีกลูเตน ไม่มีแล็กโทส กินแล้วไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ให้พลังงานเบา ๆ เพียง 8.72 Kcal ต่อเม็ด ที่สำคัญก็คือ แบรนด์นี้ผลิตภายใต้ลิขสิทธิ์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้รับการรับรองจากสถาบันคุณภาพมากมายทั้งในประเทศไทยและทวีปยุโรป
-
วิธีรับประทาน : ละลายเม็ดฟู่ในน้ำเปล่า 200 มิลลิลิตร ดื่มตอนเช้าวันละ 1 ครั้ง
-
ราคาปกติ : 1 หลอด (20 เม็ด) 490 บาท
7. วิตามินซีเม็ดฟู่ Berocca Performance

ภาพจาก : berocca.co.th
แม้วิตามินเม็ดฟู่ บีรอคคา เพอร์ฟอร์มานซ์ กลิ่นส้ม จะเป็นวิตามินรวมหลายชนิด แต่ก็ให้วิตามินซีมาในปริมาณมากที่สุด คือ 500 มิลลิกรัม อีกทั้งยังมีวิตามินบีรวม 8 ชนิด และมีแร่ธาตุ 3 ชนิด คือ แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของวิตามินต่าง ๆ ให้ดีขึ้น เหมาะกับคนพักผ่อนน้อย อ่อนเพลีย เครียดง่าย ต้องการดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวม
-
วิธีรับประทาน : ละลายเม็ดฟู่ในน้ำเปล่า 1 แก้วแล้วดื่ม ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้าหรือมื้ออื่น ๆ
-
ราคาปกติ : 1 หลอด (15 เม็ด) 260 บาท
วิตามินซีเม็ดฟู่ ควรกินตอนไหนดี

วิตามินซีเม็ดฟู่ กินตอนไหนดี ? แม้ว่าวิตามินซีเม็ดฟู่จะไม่ค่อยระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร แต่ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำให้กินหลังมื้ออาหาร เพราะสำหรับบางคนแล้วอาจมีปัญหากระเพาะอาหารบอบบาง วิตามินซีซึ่งเป็นกรดก็อาจส่งผลต่อกระเพาะอาหารได้
นอกจากนี้ก็ไม่แนะนำให้กินช่วงท้องว่าง แม้วิตามินซีเม็ดฟู่จะละลายน้ำได้ดีและอ่อนโยนกว่าแบบเม็ด แต่ก็ยังคงมีความเป็นกรดอยู่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง แสบท้อง หรือปวดท้องในบางคน
สำหรับช่วงเวลาหลังมื้ออาหารที่เหมาะสมที่สุด คือ หลังอาหารตอนเช้าหรือกลางวัน แต่ควรหลีกเลี่ยงตอนกลางคืน เนื่องจากวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ การรับประทานช่วงกลางคืนอาจทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย จนรบกวนการนอนหลับได้เช่นกัน
ข้อควรระวังในการกินวิตามินซีเม็ดฟู่
-
หากต้องการกินวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม/วัน ควรแบ่งรับประทานเป็นครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้า-กลางวัน หรือเช้า-เย็น จึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด เนื่องจากร่างกายเรามีข้อจำกัดในการดูดซึมวิตามินซีไปใช้ได้ประมาณ 500 มิลลิกรัม/ครั้งเท่านั้น และส่วนเกินที่เหลือจะถูกขับทิ้งไป
-
ควรรอให้วิตามินซีเม็ดฟู่ละลายในน้ำจนหมด และฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนใหญ่ระเหยไปก่อนจึงค่อยดื่ม เพื่อป้องกันท้องอืด เรอ แน่นท้อง โดยทั่วไปจะใช้เวลา 1-3 นาที
-
วิตามินซีมีความเป็นกรดเล็กน้อย และบางยี่ห้อมีส่วนผสมของน้ำตาลหรือสารให้ความหวาน เมื่อดื่มบ่อย ๆ อาจส่งผลให้เคลือบฟันกร่อนลง ดังนั้น หลังดื่มวิตามินซีเม็ดฟู่แล้วควรดื่มน้ำเปล่าตามหรือบ้วนปากเพื่อลดความเป็นกรดที่ตกค้างในช่องปาก
-
ควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อช่วยให้ไตทำงานได้ดีในการขับวิตามินซีส่วนเกินออก และช่วยป้องกันการตกตะกอนของสารบางอย่างในไต
-
เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
-
คนที่เป็นโรคไต โรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคหัวใจ หรือผู้ที่มีภาวะบวมน้ำ ซึ่งต้องจำกัดโซเดียม ควรระวังการรับประทานวิตามินซีเม็ดฟู่หรือปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะวิตามินซีเม็ดฟู่มักมีส่วนผสมของโซเดียม ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้เกิดฟองฟู่และทำให้ละลายน้ำได้ดี
-
ผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ หรือรับประทานยาและอาหารเสริมตัวอื่นอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานวิตามินซีเสริมทุกครั้ง
-
รับประทานตามคำแนะนำบนฉลาก หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรรับประทานเกินขนาด หรือนานติดต่อกันจนเกินไป
-
การรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก เช่น มากกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตในบางราย
-
หากมีอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน ลมพิษ หายใจลำบาก ควรหยุดรับประทานทันทีและปรึกษาแพทย์
-
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 ส่วนในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
บทความที่เกี่ยวข้องกับวิตามินซี
- วิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 พร้อมไขข้อสงสัย กินวิตามินซีทุกวันอันตรายไหม
- วิธีกินวิตามินซีที่ถูกต้อง ต้องกินยังไงถึงได้ผลดี รับประโยชน์อย่างเต็มที่
- คอลลาเจนกับวิตามินซีกินพร้อมกันได้ไหม แล้วคอลลาเจนควรกินตอนไหนดี ?
- วิตามินซีไม่ควรกินคู่กับอะไร หรือควรกินคู่กับวิตามินตัวไหนให้ช่วยดูดซึมได้ดีขึ้น
- วิตามินซีกินตอนไหนดี ควรกินวันละเท่าไร กินทุกวันอันตรายไหม ?
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : Tops Vita Official Store, redoxon.co.th (1), (2), AtlantaHealthcare, Viboosta Thailand, Swisse Overseas, Swiss Energy & Dr.Frei Mall, berocca.co.th, healthline.com