ประโยชน์ของวิตามินซี
ก่อนจะได้รับทราบถึงวิธีกินวิตามินซีที่ถูกต้อง เราควรรู้ก่อนว่า วิตามินซี เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อร่างกายหลายประการ อาทิ
-
ช่วยเพิ่มการผลิตเม็ดเลือดขาว เป็นการเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
-
ป้องกันโรคลักปิดลักเปิด หรือเลือดออกตามไรฟัน
-
ลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรคหวัด ทำให้ร่างกายฟื้นฟูจากการติดเชื้อได้เร็วขึ้น
-
ช่วยดูดซึมสารอาหารบางชนิด เช่น เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร เพิ่มการดูดซึมแคลเซียม
-
เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจทำลายเซลล์และนำไปสู่ภาวะเรื้อรังต่าง ๆ ได้
-
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณยืดหยุ่น แข็งแรง เปล่งปลั่ง พร้อมทั้งเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและข้อต่อ
-
ปกป้องผิวจากรังสียูวี จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ลดรอยสิว รอยแผลเป็น และจุดด่างดำ
-
ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น อารมณ์ดีขึ้น เพราะวิตามินซีจะไปลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ทำให้เกิดความเครียด อีกทั้งกระตุ้นการสร้างเซโรโทนิน สารสื่อประสาทสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายความตึงเครียด
สำหรับคนที่อยากเติมวิตามินซีในรูปแบบวิตามินซีเสริมให้กับตัวเอง ลองมาศึกษากันว่า ควรรับประทานอย่างไร ถึงได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
วิธีกินวิตามินซีที่ถูกต้อง
ได้ประโยชน์เต็มที่
1. แบ่งรับประทานหลายครั้ง
ปกติแล้วร่างกายเรามีขีดจำกัดในการดูดซึมวิตามินซี โดยจะดูดซึมได้ประมาณ 200 มิลลิกรัม/ครั้ง ดังนั้น หากเราซื้อวิตามินซีเสริมที่มีปริมาณ 500-1,000 มิลลิกรัม/เม็ด ก็ควรแบ่งรับประทานเป็น 2-5 ครั้ง/วัน เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้อย่างเต็มที่ และมีประโยชน์มากกว่าการกินเพียงครั้งเดียวที่ไม่สามารถดูดซึมได้หมด แล้วส่วนเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากต้องการใช้วิตามินซีเพื่อช่วยเรื่องภูมิคุ้มกัน การรับประทานวันละไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัม ถือว่าเพียงพอแล้ว แม้ปริมาณสูงสุดที่ร่างกายรับได้คือไม่ควรเกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานโดสสูงขนาดนั้น หากแพทย์ไม่ได้แนะนำให้รับประทานวิตามินในปริมาณสูงเพื่อบำบัดอาการใดอาการหนึ่งที่แพทย์วินิจฉัยว่าควรกินวิตามินซีเป็นตัวช่วย
2. เลือกวิตามินซีที่ปล่อยตัวยาช้า ออกฤทธิ์ได้นาน
ในท้องตลาดมีอาหารเสริมวิตามินซีอยู่หลายรูปแบบ ถ้าต้องการชนิดที่ดูดซึมได้ค่อนข้างดีก็ควรเลือกซื้อวิตามินซีชนิดที่ค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวยา ซึ่งมักจะเขียนระบุว่า Buffered, Slow release หรือ Sustained release โดยวิตามินซีรูปแบบนี้จะค่อย ๆ ปล่อยตัวยาออกมาช้า ๆ ทำให้มีการดูดซึมของวิตามินซีอยู่ตลอดเวลา จึงออกฤทธิ์ได้นานขึ้น อีกทั้งไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร แตกต่างจากวิตามินซีในรูปแบบเม็ดทั่วไปที่จะปล่อยวิตามินซีออกมาทันที
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะกินวิตามินซีชนิดปล่อยตัวยาช้า หรือชนิดปกติ เมื่อเวลาผ่านไปปริมาณวิตามินซีที่อยู่ในกระแสเลือดก็ไม่ต่างกันอยู่ดี เท่ากับว่ารูปแบบของวิตามินซีไม่ได้มีผลต่อการออกฤทธิ์ในร่างกายสักเท่าไร แค่ต่างกันตรงระยะเวลาที่ปลดปล่อยยาเข้าสู่ร่างกายเท่านั้นเอง
3. กินหลังอาหารอาจดีกว่า
ตามหลักการแล้ว วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ดังนั้น สามารถกินช่วงเวลาไหนก็ได้ จะกินตอนท้องว่างหรือหลังอาหารก็ไม่ผิด
ถึงกระนั้นแพทย์และเภสัชกรส่วนใหญ่มักแนะนำให้รับประทานวิตามินซีพร้อมอาหารหรือหลังอาหารจะดีกว่าตอนท้องว่าง เนื่องจากวิตามินซีบางชนิดอาจระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร การรับประทานหลังอาหารจะช่วยลดความเสี่ยงอาการปวดท้องจากกรดของวิตามินซี อีกทั้งอาหารที่รับประทานเข้าไปจะช่วยเสริมการดูดซึมของวิตามินซีไปด้วยในตัว
4. เลือกช่วงเวลารับประทานตามประโยชน์ที่ต้องการ
ร่างกายใช้ประโยชน์จากวิตามินซีตลอดทั้งวัน ฉะนั้นไม่ว่าจะรับประทานวิตามินซีช่วงไหน ร่างกายจะดูดซึมเท่าที่จำเป็นและขับส่วนเกินออกทางปัสสาวะ แต่การเลือกรับประทานในช่วงเวลาที่แตกต่างกันอาจให้ประโยชน์ต่างกันอยู่บ้าง เช่น
-
กินวิตามินซีตอนเช้า : ช่วยเพิ่มพลังงานและความตื่นตัวตลอดวัน รวมทั้งช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล สาเหตุของความเครียด
-
กินวิตามินซีตอนกลางวันหรือตอนบ่าย : ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกายในระหว่างวันที่อาจต้องการพลังงานหรือสารอาหารเพิ่มเติม และลดความเหนื่อยล้าหลังจากทำงานมาทั้งวัน
-
กินวิตามินซีก่อนออกกำลังกาย : ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระและลดความเครียดออกซิเดชั่น (Oxidative stress) ที่เกิดจากการออกกำลังกาย ซึ่งความเครียดออกซิเดชั่นนี้ทำให้สารอนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายไม่สมดุลกัน ส่งผลให้เซลล์ของร่างกายเกิดการอักเสบ
-
กินวิตามินซีหลังออกกำลังกาย : ช่วยลดการอักเสบและความเสียหายของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการสร้างออกซิเดชั่นขณะออกกำลังกาย และช่วยผลิตคอลลาเจนที่เป็นส่วนสำคัญของการฟื้นฟูเนื้อเยื่อต่าง ๆ
ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามินซีก่อนนอน เพราะอาจทำให้บางคนรู้สึกตื่นตัวและมีปัญหานอนไม่หลับ นอกจากนี้ในช่วงกลางคืนที่เรานอนหลับจะไม่ค่อยปัสสาวะแล้ว ทำให้วิตามินซีส่วนเกินที่ดูดซึมไม่หมดไปสะสมในไตได้
5. ดื่มน้ำตามให้เพียงพอ
วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ การดื่มน้ำเปล่าตามเข้าไปอย่างเพียงพอจะช่วยให้วิตามินซีละลายได้ดีขึ้น และทำให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น จึงใช้ประโยชน์จากวิตามินซีได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งช่วยให้วิตามินซีเจือจางในกระเพาะอาหาร เป็นการลดความเข้มข้นของกรด และป้องกันอาการไม่สบายท้องในผู้ที่มีปัญหากระเพาะอาหาร
ขณะเดียวกัน การรับประทานวิตามินซีในปริมาณสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไตได้ในบางคน การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยเจือจางปัสสาวะ ลดการสะสมของแคลเซียมออกซาเลตในไต และชะล้างสารตกค้างออกจากร่างกายด้วยนะ
6. จับคู่วิตามินกับสารอาหารอื่น ๆ
เราสามารถรับประทานวิตามินซีคู่กับอาหารหรืออาหารเสริมอื่น ๆ เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซีได้ เช่น
-
ไบโอฟลาโวนอยด์ : เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซี พบได้ในผลไม้ตระกูลส้ม เบอร์รี
-
วิตามินอี : สารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดที่ทำงานร่วมกับวิตามินซีเพื่อปกป้องเซลล์จากความเสียหาย สามารถหาได้จากถั่วอัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน น้ำมันมะกอก ผักใบเขียว
- คอลลาเจน : วิตามินซีจะช่วยเสริมการสร้างเนื้อเยื่อ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยในเรื่องการดูแลผิวได้ดีขึ้นเมื่อกินคู่กัน
วิตามินซีก็มีข้อควรระวัง
แม้ว่าวิตามินซีมีประโยชน์ แต่การใช้ไม่ระวังก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในบางคนได้ โดยมีข้อที่ควรคำนึงดังนี้
-
ไม่ควรรับประทานวิตามินซีร่วมกับวิตามินบี 12 เพราะวิตามินซีอาจมีผลต่อการดูดซึมวิตามินบี 12
-
หลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามินซีเสริมร่วมกับยา เพราะอาจเสริมฤทธิ์หรือลดการดูดซึมของยาบางชนิด
-
ไม่ควรรับประทานวิตามินซีเสริมเกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม เพื่อหลีกเลี่ยงอาการท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้
-
การรับประทานวิตามินซีในปริมาณสูงเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต เนื่องจากวิตามินซีส่วนเกินจะถูกแปลงเป็นออกซาเลต ซึ่งสามารถรวมตัวกับแคลเซียมและกลายเป็นนิ่วในไต
-
ผู้ป่วยโรคไต นิ่วในไต ผู้ป่วยโรค G6PD โรคธาลัสซีเมีย โรคมะเร็ง และผู้ที่มีภาวะธาตุเหล็กสูง ควรหลีกเลี่ยงการกินวิตามินซีเสริม
-
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานวิตามินซีเสริม โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร คนที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยา
บทความที่เกี่ยวข้องกับวิตามินซี
- คอลลาเจนกับวิตามินซีกินพร้อมกันได้ไหม แล้วคอลลาเจนควรกินตอนไหนดี ?
- วิตามินซี ควรกินตอนไหน กินยังไง เลือกยี่ห้อไหนดี ปี 2567
- วิตามินซีไม่ควรกินคู่กับอะไร หรือควรกินคู่กับวิตามินตัวไหนให้ช่วยดูดซึมได้ดีขึ้น
- วิตามินซีกินตอนไหนดี ควรกินวันละเท่าไร กินทุกวันอันตรายไหม ?
- วิตามินซี กินตอนไหน ร่างกายได้ประโยชน์เต็ม ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, โรงพยาบาลกรุงเทพ, nutraingredients-usa.com, popsugar.com, webmd.com