อย.เตือน แพ้ยารีบแจ้ง แสลงคลอแรมฯ เฉียดตาย (ไทยโพสต์)
อย.พบผู้ป่วยแพ้ยาคลอแรมเฟนิคอลชนิดแคปซูลมีอาการหนัก ขั้นผิวหนังลอกพุพองรุนแรง หลังมีอาการปวดตาได้รับยาคลอแรมเฟนิคอลมาหยอด เตือนผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยาต้องแจ้งให้หมอทราบ มิฉะนั้นอาจได้รับอันตรายถึงชีวิต
นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า จากนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพของ อย. ได้มีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่
โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้รับรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาของ รพ.เครือข่ายว่า พบผู้ป่วยหญิงอายุ 50 ปี มีประวัติแพ้ยาคลอแรมเฟนิคอลชนิดแคปซูล มีอาการปวดตา และได้รับยาหยอดตาคลอแรมเฟนิคอล ผู้ป่วยหยอดยาไป 3 ครั้ง เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์คือ มีผิวหนังพุพองเหมือนถูกน้ำร้อนลวก ผิวหนังลอกอย่างรุนแรง ซึ่งการแพ้ยาของผู้ป่วยรายนี้เป็นการแพ้ยาซ้ำ เนื่องจากผู้ป่วยเคยมีประวัติการแพ้ยา มีอาการช็อกหมดสติ และได้รับยาคลอแรมเฟนิคอลชนิดยาหยอดตาซ้ำอีก
รองเลขาธิการฯ อย.กล่าวต่อไปว่า อาการอันไม่พึงประสงค์ที่สำคัญของยาคลอแรมเฟนิคอล คือ กดไขกระดูก สำหรับระบบผิวหนังพบรายงานแค่ผื่นผิวหนังอักเสบ ผื่นตุ่มน้ำ ลมพิษ เยื่อบุบวม จากฐานข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังฯ พบรายงานผู้ป่วยผิวหนังลอกอย่างรุนแรงจากการใช้ยาคลอแรมเฟนิคอลที่ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิต จำนวน 1 ราย และข้อมูลองค์การอนามัยโลก พบรายงานผู้ป่วยแพ้ยาที่ทำให้เกิดผิวหนังลอกอย่างรุนแรง จำนวน 6 ราย
นพ.พงศ์พันธ์กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นขอให้ผู้ใช้ยาสังเกตตนเอง หากใช้ยาตัวใดตัวหนึ่งครั้งแรกแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น มีผื่นขึ้นตามตัว ปากบวมเห่อ ใจสั่น หายใจติดขัด ซึ่งอาจเป็นอาการที่เกิดจากการแพ้ยา ให้หยุดยานั้นทันที และจำยานั้นไว้เพื่อแจ้งแพทย์ทราบ
สำหรับผู้ป่วยที่มีประวัติการแพ้ยาอยู่แล้ว ขอให้แจ้งแพทย์ที่ทำการรักษาให้ทราบทันทีว่าแพ้ยาอะไร เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการสั่งจ่ายยานั้น เพราะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะในบางรายที่แพ้ยาอย่างรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้ หากได้รับอันตรายจากการบริโภคยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ อย. โทรศัพท์ และโทรสาร 0-2590-7253 หรือใน www.fda.moph.go.th/vigilance หรือร้องเรียนที่สายด่วน อย. 1556
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
