x close

มลพิษทางอากาศ ภัยเงียบที่คาดไม่ถึง

รถ



ภัยเงียบแสนร้ายที่คาดไม่ถึง มลพิษทางอากาศ (สสส.)
เรื่องโดย: ภราดร เดชสาร

ร่างกายแข็งแรงช่วยคุณได้

          สำหรับใครหลาย ๆ คน ที่วาดฝันเอาไว้ว่าจะเข้าเมืองหลวง ทั้งหางานทำ เรียนหนังสือ หรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ ที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยสูง มี แสง สี ตื่นตาตื่นใจมากมายไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนแล้วละก็!! หยุดคิดสักนิด!! เพราะภายใต้ความสวยงามที่ทันสมัยนั้น กลับมีภัยเงียบแอบซุ่ม จ้องจะทำร้ายสุขภาพของผู้ที่มาเยือนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหนึ่งในนั้น เห็นทีจะเป็น "มลภาวะทางอากาศ" ที่ไม่มีใครสามารถหลีกหนีมันได้หากยังต้องหายใจอยู่

          ซึ่งข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พบว่าอากาศ ที่เราหายใจเข้าไปทุกวันนี้อยู่ในระดับที่อันตรายต่อสุขภาพมาก เพราะสภาพอากาศที่ความเข้มข้นของสภาพมลพิษเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงต้องไม่เกิน 100 ส่วนในพันล้านส่วน เมื่อเกินก็จะทำให้มีผลต่อการทำลายเยื่อบุระบบทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และทำให้เกิดโรคเรื้อรังของระบบทางเดินหายใจ ยิ่งประกอบกับการได้รับฝุ่นละอองขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยต่ำกว่า 2.5 ไมครอน

          ส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนเมือง ย่านธุรกิจ ที่เหล่านี้จึงเป็นแหล่งที่มีการจราจรที่คับคั่ง ทำให้เกิดปริมาณฝุ่นละอองและควันดำในระดับที่สูงมากเกินขีดที่ร่างกายจะทนได้ แถมตอนนี้ในเมืองใหญ่ ๆ ก็เองยังเกิดแก๊สเสียต่าง ๆ ที่เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นแก๊ส คาร์บอนมอนอกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจของเรานั้นเอง

          แล้วหากหายใจรับสารเหล่านี้เข้าไปมาก ๆ จะมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเราบ้าง

          อันดับแรก จะป่วยเป็นโรคติดเชื้อในหลอดลมและปอดได้ง่าย… ก็เพราะว่าระบบทางเดินหายใจของคนเราจะมีเยื่อบุผนังหลอดลม ซึ่งเยื่อบุนี้คอยดักจับเชื้อโรคที่เราหายใจเข้าไป ฉะนั้น ถ้าเราสูดเอาฝุ่น ควันดำ และแก๊สเสียต่าง ๆ เข้าไปในปริมาณมาก ๆ สิ่งแปลกปลอมดังกล่าวจะระคายเคืองและทำลายเยื่อบุเหล่านี้ ทำให้หน้าที่ของมันเสียไป แล้วจะเกิดอะไรขึ้นละ...ก็จะทำให้ป่วยด้วยโรคหวัด โรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดอักเสบ โรคภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าปกติ

          ต่อมาก็จะเป็นโรคหลอดลมตีบแคบ และถุงลมปอดโป่งพอง เกิดจากการระคายเคืองหรือการติดเชื้อในเยื่อบุของหลอดลมนาน ๆ ก็จะทำให้หลอดลมเกิดการตีบแคบ การหายใจก็ลำบากเหมือนกับที่พบในคนที่เป็นโรคหืดเลยทีเดียว แถมถุงลมที่เคยยืดขยายและหดได้ ก็จะเสียสภาพไปกลายเป็นถุงลมโป่ง การฟอกเลือดจะเสียไปด้วย ทำให้เป็นคนเหนื่อยหอบง่าย ไม่สดชื่นแจ่มใสเหมือนแต่ก่อน…ยิ่งคนที่มีอาการของโรคหัวใจ หืด อยู่แล้วถ้ามาเจออากาศที่มีฝุ่นควันดำมาก ๆ อาการจะยิ่งกำเริบและทำให้ตายเร็ว และง่ายกว่าเดิมมาก เพราะอะไรรู้ไหม...ก็เพราะว่าระบบหายใจหรือการไหลเวียนของเลือดล้มเหลวนั้นเอง

          ...ถ้าไม่ป้องกันตัวเองดี ๆ โรคมะเร็งจะถามหาคุณได้…เนื่องจากรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปล่อยควันเสีย ซึ่งมีสารที่เรียกชื่อว่า เบนโซไพรีน ออกมาด้วย สารตัวนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ทำให้สัตว์ทดลองเป็นมะเร็งปอดได้ และนักวิทยาศาสตร์เองก็สังเกตว่าคนในเมืองมีอัตราการเป็นมะเร็งในปอดสูงกว่าคนชนบท ยิ่งเมืองที่มีมลพิษมากยิ่งมีคนเป็นมะเร็งปอดมาก โดยที่คนเหล่านี้ไม่ได้สูบบุหรี่ อันเป็นสาเหตุก่อมะเร็งที่สำคัญ แต่มลพิษในอากาศก็ทำให้เป็นมะเร็งปอดได้

          แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า อะไรเป็นตัวบั่นทอนให้ชีวิตคนที่อาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่สั้นลง... ตามข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตัวการที่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศที่สำคัญ คือ รถยนต์ โดยเฉพาะรถเมล์ทั้งใหญ่และเล็ก รถบรรทุก และตัวคนทั่วไปที่ขยันกันนำรถส่วนตัวออกมาใช้ เพื่อความสะดวกสบายของตัวคุณเอง แต่กลับเป็นการทำร้ายร่างกายของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว

          เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับมลพิษ สิ่งเดียวที่จะเป็นการป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด การดูแลรักษาตัวของเราเอง ด้วยวิธีง่าย ๆ ต่อไปนี้

          สำหรับคนทำงานออฟฟิศ หรือมีบ้านอยู่ในแหล่งที่มีมลพิษมาก...ต้องปิดประตูหน้าต่างมิดชิด ไม่ให้มลพิษอากาศเข้ามาสะสมในอาคาร หากมีเครื่องฟอกอากาศ หรือเครื่องปรับอากาศที่สามารถกรองอากาศได้ ให้เปิดใช้งาน และสำหรับผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาโรคหัวใจ โรคปอด โรคหอบหืด รวมทั้งเด็กเล็กที่ภูมิต้านทานน้อย จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดควรป้องกันและดูแลตัวเองให้ดี และควรหลีกเลี่ยงการไปทำกิจกรรมนอกอาคารหากไมจำเป็น

          แต่หากมีความจำเป็นต้องไปทำกิจกรรมนอกอาคาร ก็ควรสวมหน้ากากที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ หรือสวมหน้ากากผ้าชุบน้ำให้ชุ่ม แล้วปิดจมูกเพื่อกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก สวมแว่นตาเพื่อปกป้องดวงตาจากลมและหมอกควัน ที่สำคัญ...หลีกเลี่ยงการออกกำลังนอกอาคารในช่วงที่มีหมอกควันมาก เพราะจะเป็นอันตรายต่อปอดในระยะยาวมากกว่าเป็นผลดีต่อร่างกาย 

          ต่อมาสำหรับคนที่มียานพาหนะ ควรหมั่นตรวจสภาพเครื่องยนต์ของรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ให้อยู่ในสภาพดี ไม่ปล่อยให้มีควันขาวหรือควันดำ และหากมีควันดำมากควรปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์เสียใหม่ เพื่อป้องกันการปล่อยอากาศเสียออกมาทำลายสุขภาพตนเองและคนรอบข้าง

          และที่สำคัญหากบ้านไหนมีพื้นที่ว่างปล่อยทิ้งเอาไว้ โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทางที่ดีลองเพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยการช่วยกันปลูกต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่ม รวมทั้งไม้ในร่ม เพื่อให้พืช หรือต้นไม้ใบไม้เหล่านี้สามารถดักจับฝุ่นละอองที่ถูกปล่อยออกมาได้

          นอกเหนือจากมลพิษทางอากาศที่คนกรุงในคนในเมืองใหญ่ต่าง ๆ ต้องเผชิญแล้ว "แสงแดด" ที่ร้อนแสบผิวกายก็เป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเช่นกัน เนื่องจากปัญหาภาวะเรือนกระจกที่โลกเราเผชิญอยู่ "ยังก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้" โดยเฉพาะผู้ที่เคยผิวไหม้หรือชอบนอนอาบแดด และผู้ที่เป็นแผลเรื้อรัง

          ส่วนวิธีการป้องกันให้ห่างจากมะเร็งผิวหนังนั้น แพทย์ด้านผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้บอกเอาไว้ว่า ให้หลีกเลี่ยงแสงแดดช่วง 10.00-15.00 น ซึ่งเป็นช่วงที่มีรังสี UV สูงสุด หากจำเป็นต้องออกแดดต้องสวมเสื้อผ้าสีอ่อน เนื้อแน่น หมวกปีกกว้าง 3 นิ้ว พร้อมกับกางร่มที่ป้องกันแสงแดดได้ ที่สำคัญควรทาครีมกันแสงแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ขอแถมเคล็ด (ไม่) ลับ อีกสักนิดว่าการทาครีมควรทาตั้งแต่ในวัยเด็ก เพราะรังสี UV จะเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายประมาณร้อยละ 80 ก่อนที่จะอายุ18 ปี

          ถึงแม้ว่ามหานครแห่งความทันสมัย และความเจริญแห่งนี้จะเต็มไปด้วยภัยเงียบ ที่จ้องคุกคามสุขภาพของผู้ที่เข้ามาเยื่อนทุกเวลา แต่ถ้าคนนั้นร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ กินอาหารที่สดสะอาดครบ 5 หมู่ แค่นี้โรคภัยต่าง ๆ ก็จะมาสู่ตัวยากขึ้น

          ที่สำคัญอย่าลืมว่า... "อยากสุขภาพดีคุณต้องสร้างด้วยตัวคุณเองเท่านั้น"


  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย 

 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มลพิษทางอากาศ ภัยเงียบที่คาดไม่ถึง อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2556 เวลา 17:52:01
TOP