กินเจห้ามกินผลไม้อะไร กินทุเรียนได้หรือเปล่า และผลไม้ช่วงกินเจที่ควรรับประทาน เพื่อเติมความเฮลธ์ตี้ให้ร่างกายในช่วงนี้มีอะไรบ้างนะ
กินเจ ไม่ได้มีดีแค่เมนูผักนานาชนิดเท่านั้น ผลไม้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยให้มื้ออาหารเจอิ่มอร่อยและมีประโยชน์มากขึ้น ซึ่งหลายคนอาจมีคำถามว่า กินเจห้ามกินผลไม้อะไร กินทุเรียนได้ไหม ? มาหาคำตอบกัน
กินเจ ห้ามกินผลไม้อะไร
ทุเรียนกินได้ไหม
จริง ๆ แล้วคนกินเจสามารถกินผลไม้สดได้ทุกชนิดเลย เพราะผลไม้เป็นพืช ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ อย่างทุเรียนที่มีกลิ่นแรงก็รับประทานได้ ไม่ได้เป็นข้อห้ามเหมือนผักกลิ่นฉุน 5 ชนิด
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะรับประทานเป็นผลไม้แปรรูปต้องระวังสักหน่อย เช่น ผลไม้ดองอาจปรุงรสด้วยน้ำปลา ขนมที่ทำจากผลไม้อาจมีส่วนผสมของเจลาติน นม ไข่ น้ำผึ้ง ซึ่งคนกินเจไม่สามารถรับประทานได้ ดังนั้น ให้ตรวจสอบส่วนผสมก่อนรับประทานนะคะ
ว่าแต่…เราจะเลือกกินผลไม้สดอะไรดีในช่วงกินเจ แนะนำ 7 ผลไม้ต่อไปนี้ที่พอจะช่วยเติมสารอาหารบางอย่างที่ขาดไปได้บ้างจากการงดรับประทานเนื้อสัตว์
ผลไม้ช่วงกินเจ เลือกกินอะไรดี
1. ฝรั่ง
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง นอกจากจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อแล้ว วิตามินซียังช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนกินเจที่มักได้รับธาตุเหล็กมาจากพืชหรือถั่วต่าง ๆ การได้รับวิตามินซีจากฝรั่งไปพร้อมกันจะช่วยให้ร่างกายนำธาตุเหล็กไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
2. ส้ม
ส้มเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีวิตามินซีสูง ช่วยเรื่องการดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชได้เช่นกัน และยังเป็นผลไม้ที่มีค่าความอิ่ม (The Satiety Index) สูงมากด้วยนะ พูดง่าย ๆ ก็คือ กินส้มแล้วจะรู้สึกอิ่มท้องจากใยอาหารชนิดละลายน้ำได้สูง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะดูดซับน้ำเกิดเป็นเจล ทำให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น เหมาะกับช่วงเวลากินเจที่มักจะหิวง่าย หิวบ่อย
3. ลูกพรุน
คนที่รับประทานเจมักจะขาดธาตุเหล็ก เพราะต้องงดเว้นเนื้อสัตว์ ดังนั้น จึงควรเลือกรับประทานผัก-ผลไม้ที่พอจะมีธาตุเหล็กมาทดแทนได้บ้าง อย่างลูกไหนหรือลูกพรุนก็เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีธาตุเหล็กไม่น้อยเลย อีกทั้งมีวิตามินซีที่ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กไปด้วยในตัว รวมไปถึงสารอาหารอื่น ๆ อย่างโพแทสเซียม วิตามินเค แมงกานีส ที่ดีต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ควรระวังในผู้ที่ต้องควบคุมน้ำตาลในเลือดหรือมีน้ำหนักเกิน เพราะลูกพรุนอบแห้งมีน้ำตาลค่อนข้างสูง
4. กล้วย
กินเจแล้วหิวบ่อยต้องจัดกล้วยสักลูกแล้วล่ะ เพราะในกล้วยห่าม ๆ มีส่วนประกอบของแป้งที่ทนต่อการย่อยด้วยเอนไซม์ (Resistant Starch) และมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ กินแล้วอิ่มนาน อยู่ท้อง เสริมด้วยกรดอะมิโน โปรตีนบางชนิดที่พอจะช่วยทดแทนโปรตีนจากสัตว์ให้ช่วยเรื่องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มพลังงาน
5. ลูกฟิก หรือมะเดื่อฝรั่ง
ลูกฟิก (Fig) หรือมะเดื่อฝรั่ง เป็นผลไม้ที่ค่อนข้างหายากสักหน่อย แต่มีคุณประโยชน์น่าสนใจตรงที่เป็นผลไม้แคลเซียมสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ คือในลูกฟิกแห้งปริมาณ 100 กรัม ให้แคลเซียมถึง 160 มิลลิกรัม ในขณะที่ส้มและลูกพรุนมีแคลเซียมอยู่ราว ๆ 50 มิลลิกรัม นอกจากนี้ลูกฟิกยังมีธาตุเหล็ก เหมาะกับคนกินเจที่มักขาดแคลเซียมและธาตุเหล็ก รวมทั้งมีไฟเบอร์ที่ช่วยให้อิ่มท้องและขับถ่ายได้สะดวกด้วยนะ
6. มะละกอ
ไม่ใช่แค่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ดีต่อการดูดซึมธาตุเหล็กจากพืช แต่มะละกอยังมีใยอาหารสูง ช่วยลดความอยากอาหาร และดีต่อระบบขับถ่าย มาพร้อมกับเอนไซม์ปาเปนที่มีหน้าที่ย่อยโปรตีน ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ที่สำคัญในมะละกอยังมีแคลเซียมด้วย จะรับประทานเป็นของว่างระหว่างมื้อ หรือกินเป็นสลัดผลไม้รวมกับผลไม้อื่น ๆ ก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น
7. แอปเปิล
เวลาพูดถึงผลไม้ลดน้ำหนักก็มักมีชื่อของแอปเปิลติดอันดับกับเขาด้วยเสมอ ด้วยเหตุผลที่แอปเปิลมีไฟเบอร์เพกทินสูง ร่างกายใช้เวลาย่อยนาน จึงช่วยให้อิ่มอยู่ท้อง มีค่าความอิ่มใกล้เคียงกับส้มเลยล่ะ ทำให้แอปเปิลเป็นผลไม้อีกชนิดที่คนกินเจควรเลือกรับประทานเพื่อแก้อาการหิวบ่อย และยังได้รับสารอาหารดี ๆ จากแอปเปิลเพิ่มเติมด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซีที่ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก วิตามินบี แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม โดยควรล้างให้สะอาดและรับประทานทั้งเปลือกเพื่อรับสารอาหารเหล่านี้
นอกจากผลไม้ทั้ง 7 ชนิด เรายังสามารถเลือกรับประทานผลไม้ชนิดอื่น ๆ ได้อีกหลายอย่าง เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามิน-แร่ธาตุที่จำเป็น โดยจะกินแบบสด ๆ หรือเป็นสลัดผลไม้ก็ได้ แต่สำหรับคนที่กำลังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควรเลือกผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยและรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะนะคะ
