มะละกอ สรรพคุณไม่ได้มีดีแค่ทำอาหารได้หลายเมนู หรือเป็นผลไม้แก้ท้องผูกเท่านั้น แต่มะละกอหนึ่งลูกยังเป็นได้ทั้งอาหารเพื่อสุขภาพและสมุนไพรรักษาโรค
มะละกอมีถิ่นดั้งเดิมอยู่ในทวีปอเมริกาแถบร้อน โดยมีการสันนิษฐานกันว่า มะละกอถูกนำเข้ามาพร้อมกับชาวยุโรปตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จากนั้นจึงได้กระจายพันธุ์ไปปลูกในทุกภาคของประเทศไทย โดยมะละกอในชื่อภาษาอังกฤษก็คือ papaya มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Carica papaya Linn.
ลักษณะของมะละกอเป็นไม้ยืนต้น เนื้ออ่อน ต้นสูงประมาณ 3-6 เมตร ลำต้นตั้งตรงไม่แตกกิ่งก้านสาขา ข้างในลำต้นกลวง ไม่มีแก่นกลาง ลักษณะผิวลำต้นขรุขระและเป็นร่องตามยาว ต้นอวบน้ำมียางขาว ส่วนลักษณะใบมะละกอจะเป็นใบเดี่ยวสลับรอบต้น ออกใบเยอะบริเวณยอด ใบเป็นรูปฝ่ามือเว้าเป็นแฉกลึก 7 แฉก ขนาดใบใหญ่ ดอกมีหลายประเภท คือ ดอกตัวผู้ ดอกตัวเมีย และดอกสมบูรณ์เพศ
คุณค่าทางโภชนาการของมะละกอสุก 1 ส่วน
ประมาณ 7 ชิ้นคำ (6*2*1.5 ซม.) หรือ 144 กรัมโดยเฉลี่ย
พลังงาน 60 กิโลแคลอรี
น้ำ 128 กรัม
น้ำตาล 12 กรัม
ไฟเบอร์ 2.4 กรัม
แคลเซียม 16 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 220 มิลลิกรัม
เบต้าแคโรทีน 694 ไมโครกรัม
เหล็ก 2.5 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 435 มิลลิกรัม
ไทอะนิน 0.04 มิลลิกรัม
ไรโบฟลาวิน 0.03 มิลลิกรัม
ไนอะซิน 0.3 มิลลิกรัม
วิตามินซี 79 มิลลิกรัม
จะเห็นได้ว่ามะละกอสุกเป็นผลไม้ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างมาก ทั้งกากใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระ
ประโยชน์ของมะละกอ รู้แล้วจะรัก
สรรพคุณของมะละกอเรียกว่าดีตั้งแต่รากยันใบมะละกอเลยทีเดียวค่ะ โดยเราจะจำแนกประโยชน์ของมะละกอตามสัดส่วน ดังนี้
*ประโยชน์ของรากมะละกอ
ช่วยขับปัสสาวะ โดยนำมาต้มกับน้ำสุกแล้วกรองเอาแต่น้ำมาดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ
*ประโยชน์ของใบมะละกอ
บำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ แก้ไข้ แก้บิด แก้ปอดบวม ขับพยาธิ โดยนำใบมะละกอไปต้มกับน้ำสะอาดแล้วกรองแต่น้ำมาดื่ม หรือหากใครมีอาการปวดข้อ ปวดเข่า ปวด บวม แดง บริเวณไหน ให้นำใบมะละกอไปย่างไฟ แล้วนำมาห่อหรือประคบอุ่น ๆ ในจุดที่ปวด อาการปวดก็จะลดลง
* ประโยชน์ของผลมะละกอดิบ
ผลมะละกอดิบที่เรานำมาตำส้มตำหรือนำไปแกงส้ม มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยขับลม และขับปัสสาวะได้
* ประโยชน์ของผลมะละกอสุก
กินเป็นผลไม้แก้ท้องผูก เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ และมีไฟเบอร์สูง บำรุงธาตุ แก้กระเพาะอาหารอักเสบ บำรุงน้ำนม และช่วยย่อยอาหาร
* ประโยชน์ของเมล็ดมะละกอ
เมล็ดแก่ของมะละกอสามารถนำไปตากแห้งผสมกับเมล็ดฟักทองในปริมาณเท่า ๆ กัน แล้วผสมกับน้ำ 1 ถ้วย แล้วนำไปพอกแผลมีหนอง หรือพอกบนข้อที่มีอาการปวด
* ประโยชน์ของยางมะละกอ
ยางมะละกอมีเอนไซ์ปาเปน ซึ่งเป็นเอนไซม์ช่วยย่อยเนื้อสัตว์ คนจึงมักนำยางมะละกอต้มลงไปกับเนื้อสัตว์หรือใช้ยางมะละกอหมักเนื้อสัตว์ดิบ เพื่อให้เนื้อมีความเปื่อยและนุ่ม
สรรพคุณของมะละกอที่เราจะได้ หากกินมะละกอสุก
มะละกอสุกเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน อร่อย และสามารถกินได้เลยไม่ต้องนำไปปรุงให้สุกแต่อย่างใด ที่สำคัญเนื้อมะละกอสุกยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินซี และสารอาหารต่าง ๆ อีกมากมาย ดังนั้นหากเรากินมะละกอสุกบ่อย ๆ ก็จะได้ประโยชน์ตามนี้
- บำรุงสายตา
มะละกอเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตมินเอ วิตามินที่สำคัญต่อการทำงานของจอประสาทตาและการมองเห็น โดยเฉพาะการมองเห็นในตอนกลางคืน อีกทั้งเบต้าแคโรทีนในมะละกอยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ จึงช่วยเสริมพลังในการบำรุงสายตาของเราได้อีก
- บรรเทาอาการเลือดออกตามไรฟัน
วิตามินซีมีส่วนสำคัญในการป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และในมะละกอเองก็มีวิตามินซีอยู่ไม่น้อยนะคะ รวมไปถึงวิตามินอื่น ๆ อีกมากมาย
- บำรุงเลือด บำรุงน้ำนม
สารอาหารในมะละกอมีส่วนช่วยบำรุงเลือด และช่วยขับน้ำนมให้คุณแม่หลังคลอด อีกทั้งการกินมะละกอสุกยังช่วยผ่อนคลายระบบประสาทของคุณแม่ด้วยนะคะ ส่งผลให้การหลั่งน้ำนมเป็นไปอย่างไหลลื่นมากขึ้น
- เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
มะละกอมีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีน ซึ่งสารอาหารที่มีประโยชน์เหล่านี้จะช่วยเสริมภูมิคุมกันของร่างกาย ช่วยให้เราไม่ป่วยได้ง่าย ๆ
- ช่วยลดการอักเสบ
เมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานมากขึ้น อาการอักเสบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายก็จะลดน้อยลง ที่สำคัญในมะละกอยังมีเอนไซม์ปาเปน เอนไซม์ที่มีฤทธิ์ลดอาการอักเสบที่เกิดจากการปวด บวม แดง ที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อได้
ทั้งนี้ปาเปนจะพบได้มากในมะละกอดิบ แต่ถ้าจะกินมะละกอดิบเพื่อรักษาอาการอักเสบเฉียบพลันอาจจะเป็นไปไม่ได้ ทว่าหากกินมะละกอสุกเป็นประจำก็จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงขึ้นได้นะคะ
- ช่วยย่อยอาหาร
เอนไซม์ปาเปนในมะละกอที่มีสรรพคุณในการย่อยเนื้อก็มีส่วนช่วยย่อยอาหารในกระเพาะอาหารได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าจะกินมะละกอดิบจากเมนูส้มตำ หรือกินมะละกอสุกก็ได้รับเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารได้เหมือนกันเลย
- แก้ท้องผูก
มะละกอมีไฟเบอร์สูง และมีน้ำย่อยธรรมชาติที่สามารถกำจัดคราบโปรตีนเก่า ๆ ที่ร่างกายย่อยไม่หมดออกไป ช่วยกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางการขับถ่ายของลำไส้ รวมทั้งพาเอาปัญหาท้องผูกออกไปจากตัวเราด้วย ที่สำคัญคือ ยังมีสารเพกตินที่เป็นสารช่วยเคลือบกระเพาะและลำไส้ ช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร พร้อมกับสรรพคุณที่ช่วยให้กากอาหารมีมากขึ้นจนไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวถ่ายออกมา เมื่อถ่ายง่าย ถ่ายคล่อง ก็จะช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ด้วยล่ะ
- มีเบต้าแคโรทีนช่วยต้านมะเร็ง
สารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติช่วยป้องกันเซลล์ร้ายเกิดขึ้นกับร่างกาย จึงถือว่ามะละกอเป็นผลไม้ช่วยต้านมะเร็งอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจมากพอสมควรเลยค่ะ
- 15 ผลไม้ต้านมะเร็ง โรคร้ายที่ผลไม้เอาอยู่
- ประโยชน์ของมะละกอต่อผิวก็ดี
นอกจากกินอร่อยแล้ว มะละกอสุกยังนำมาทำเป็นสูตรพอกผิวพรรณเพื่อความกระจ่างใส ด้วยเพราะมะละกอมีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซี วิตามินอีในตัวเอง จึงเป็นสูตรบำรุงผิวพรรณจากธรรมชาติที่ดีอีกสูตรหนึ่ง สาว ๆ คนไหนอยากบำรุงผิวหน้าด้วยมะละกอ ลองมาดูสูตรพอกหน้ากันเลย
- พอกหน้าลดรอยสิว ลดจุดด่างดำด้วย 5 วิธีทำให้หน้าใสแบบธรรมชาติ
คุณสมบัติช่วยย่อยอาหารที่มะละกอมีจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้ดียิ่งขึ้น การดูดซึมสารอาหารก็จะมีประสิทธิภาพขึ้น รวมไปถึงการขับถ่ายของเสียก็คล่องตัวขึ้นด้วย ดังนั้นคนที่ลดน้ำหนักอยู่จะกินมะละกอเพื่อช่วยเสริมให้การลดความอ้วนเป็นไปด้วยดีขึ้นก็ได้นะ
- ผลไม้ลดน้ำหนัก 13 ตัวช่วย อยากหุ่นสวยกระชับห้ามพลาด
กินมะละกอสุกอ้วนไหม
นอกจากนี้ก็ยังไม่ควรกินผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ตัวเหลือง จากที่จะได้ประโยชน์ก็อาจได้รับโทษต่อร่างกายเทน
กินมะละกออย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ศ.(วุฒิคุณ) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ประธานคณะกรรมการสาธารณสุข นายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ได้เผยเคล็ดลับกินมะละกอให้ได้ประโยชน์สูงสุดมาว่า ควรเลือกมะละกอที่มีลักษณะแก่จัดแต่ไม่สุกจัด กล่าวคือให้เลือกมะละกอสีเหลืองอมเขียว เนื้อเรียบ ขั้วยังดูสด ไม่แห้ง และเลือกมะละกอที่มีน้ำหนักมาก เพราะจะเป็นมะละกอที่คงคุณค่าทางสารอาหารไว้เยอะ เนื้อเยอะ และแน่นกว่า
นอกจากนี้การหั่นมะละกอควรเลือกหั่นแค่เพียงส่วนที่จะกิน อย่าปอกทั้งลูก เพราะหากกินไม่หมดคุณค่าทางสารอาหารมะละกอก็จะลดน้อยลงไปด้วย ที่สำคัญให้ล้างมะละกอก่อนหั่นและปอกเปลือก และเมื่อปอกเปลือกมะละกอแล้วไม่จำเป็นต้องนำมาล้างน้ำซ้ำอีก เพราะจะทำให้รสชาติมะละกอเพี้ยนไป จืด ไม่อร่อย
ทั้งนี้หากใครอยากลองรสชาติการกินมะละกอแบบใหม่ ๆ ศ.(วุฒิคุณ) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ยังแนะนำให้บีบมะนาวลงในเนื้อมะละกอเล็กน้อยเพื่อเพิ่มวิตามินซี ซึ่งก็จะได้รสชาติเปรี้ยว ๆ อมหวานและกลิ่นหอมของมะนาวและมะละกอไปด้วย อร่อยไปอีกแบบหนึ่งเลยล่ะ
เมนูจากมะละกอ ทำอะไรได้บ้าง
ประโยชน์ของมะละกอมากมายอย่างนี้ หลายคนก็อยากจะกินมะละกอทุกวัน แต่ครั้นจะกินมะละกอสุกเป็นประจำก็คงน่าเบื่อเกินไป งั้นมาดูกันค่ะว่ามะละกอดิบทำอะไรได้บ้าง แล้วมะละกอสุกสามารถนำไปทำเมนูอะไรได้อีก
- น้ำมะละกอ เครื่องดื่มสุขภาพช่วยขับถ่าย
- แยมมะละกอโฮมเมด วิธีทำแยมกินเอง จับของเหลือมาทำของดี
- แกงเหลืองมะละกอกุ้ง อาหารปักษ์ใต้รสจัดจ้าน
- 10 เมนูส้มตำดัดแปลงพร้อมสูตรอร่อยแซ่บโดนใจสายแนว
- น้ำมะละกอสมูทตี้ เครื่องดื่มสุขภาพหวานเย็นแก้ท้องผูก
มะละกอเป็นผลไม้ที่มีแทบจะทุกฤดูกาล ราคาไม่แพง และหาซื้อไม่ยาก ที่สำคัญประโยชน์ของมะละกอรอบด้านขนาดนี้ ลองหามาปลูกไว้ที่บ้านสักต้นกันไหมล่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองโภชนาการ กรมอนามัย
รายการนารีกระจ่าง
สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
soเชี่ยว FAKE or FACT
คนสู้โรค
ถ้าพูดถึงมะละกอ เชื่อว่าหลายคนยังลังเลว่าจะให้มะละกอเป็นผลไม้ เป็นผัก หรือเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาดี เพราะประโยชน์ของมะละกอเขามีรอบทิศจริง ๆ และวันนี้กระปุกดอทคอมก็จะมาชี้แจงถึงสรรพคุณมะละกอเป็นข้อ ๆ ให้เห็นกันเลยว่า มะละกอหนึ่งลูก ประโยชน์นับไม่ถ้วนเลยล่ะ
มะละกอ น้องมาจากแดนไกล
มะละกอมีถิ่นดั้งเดิมอยู่ในทวีปอเมริกาแถบร้อน โดยมีการสันนิษฐานกันว่า มะละกอถูกนำเข้ามาพร้อมกับชาวยุโรปตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จากนั้นจึงได้กระจายพันธุ์ไปปลูกในทุกภาคของประเทศไทย โดยมะละกอในชื่อภาษาอังกฤษก็คือ papaya มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Carica papaya Linn.
ลักษณะของมะละกอเป็นไม้ยืนต้น เนื้ออ่อน ต้นสูงประมาณ 3-6 เมตร ลำต้นตั้งตรงไม่แตกกิ่งก้านสาขา ข้างในลำต้นกลวง ไม่มีแก่นกลาง ลักษณะผิวลำต้นขรุขระและเป็นร่องตามยาว ต้นอวบน้ำมียางขาว ส่วนลักษณะใบมะละกอจะเป็นใบเดี่ยวสลับรอบต้น ออกใบเยอะบริเวณยอด ใบเป็นรูปฝ่ามือเว้าเป็นแฉกลึก 7 แฉก ขนาดใบใหญ่ ดอกมีหลายประเภท คือ ดอกตัวผู้ ดอกตัวเมีย และดอกสมบูรณ์เพศ
ส่วนผลมะละกอมีลักษณะเป็นรูปรี ยาว บ้างเป็นทรงกระบอก บ้างเป็นทรงกลม
ผลอ่อนมีเปลือกสีเขียว เนื้อด้านในมีสีขาว
เมื่อผลแก่หรือสุกเต็มที่เปลือกมะละกอจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม
เนื้ออ่อนนุ่ม เมล็ดมีสีดำ หรือสีน้ำตาลดำ
ในผลดิบจะมียางมะละกออยู่ที่ส่วนหัวเล็กน้อย
ประมาณ 7 ชิ้นคำ (6*2*1.5 ซม.) หรือ 144 กรัมโดยเฉลี่ย
พลังงาน 60 กิโลแคลอรี
น้ำ 128 กรัม
น้ำตาล 12 กรัม
ไฟเบอร์ 2.4 กรัม
แคลเซียม 16 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 220 มิลลิกรัม
เบต้าแคโรทีน 694 ไมโครกรัม
เหล็ก 2.5 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 435 มิลลิกรัม
ไทอะนิน 0.04 มิลลิกรัม
ไรโบฟลาวิน 0.03 มิลลิกรัม
ไนอะซิน 0.3 มิลลิกรัม
วิตามินซี 79 มิลลิกรัม
จะเห็นได้ว่ามะละกอสุกเป็นผลไม้ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างมาก ทั้งกากใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระ
สรรพคุณของมะละกอเรียกว่าดีตั้งแต่รากยันใบมะละกอเลยทีเดียวค่ะ โดยเราจะจำแนกประโยชน์ของมะละกอตามสัดส่วน ดังนี้
*ประโยชน์ของรากมะละกอ
ช่วยขับปัสสาวะ โดยนำมาต้มกับน้ำสุกแล้วกรองเอาแต่น้ำมาดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ
*ประโยชน์ของใบมะละกอ
บำรุงหัวใจ ขับปัสสาวะ แก้ไข้ แก้บิด แก้ปอดบวม ขับพยาธิ โดยนำใบมะละกอไปต้มกับน้ำสะอาดแล้วกรองแต่น้ำมาดื่ม หรือหากใครมีอาการปวดข้อ ปวดเข่า ปวด บวม แดง บริเวณไหน ให้นำใบมะละกอไปย่างไฟ แล้วนำมาห่อหรือประคบอุ่น ๆ ในจุดที่ปวด อาการปวดก็จะลดลง
* ประโยชน์ของผลมะละกอดิบ
ผลมะละกอดิบที่เรานำมาตำส้มตำหรือนำไปแกงส้ม มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยขับลม และขับปัสสาวะได้
* ประโยชน์ของผลมะละกอสุก
กินเป็นผลไม้แก้ท้องผูก เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ และมีไฟเบอร์สูง บำรุงธาตุ แก้กระเพาะอาหารอักเสบ บำรุงน้ำนม และช่วยย่อยอาหาร
เมล็ดแก่ของมะละกอสามารถนำไปตากแห้งผสมกับเมล็ดฟักทองในปริมาณเท่า ๆ กัน แล้วผสมกับน้ำ 1 ถ้วย แล้วนำไปพอกแผลมีหนอง หรือพอกบนข้อที่มีอาการปวด
* ประโยชน์ของยางมะละกอ
ยางมะละกอมีเอนไซ์ปาเปน ซึ่งเป็นเอนไซม์ช่วยย่อยเนื้อสัตว์ คนจึงมักนำยางมะละกอต้มลงไปกับเนื้อสัตว์หรือใช้ยางมะละกอหมักเนื้อสัตว์ดิบ เพื่อให้เนื้อมีความเปื่อยและนุ่ม
สรรพคุณของมะละกอที่เราจะได้ หากกินมะละกอสุก
มะละกอสุกเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน อร่อย และสามารถกินได้เลยไม่ต้องนำไปปรุงให้สุกแต่อย่างใด ที่สำคัญเนื้อมะละกอสุกยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินซี และสารอาหารต่าง ๆ อีกมากมาย ดังนั้นหากเรากินมะละกอสุกบ่อย ๆ ก็จะได้ประโยชน์ตามนี้
- บำรุงสายตา
มะละกอเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตมินเอ วิตามินที่สำคัญต่อการทำงานของจอประสาทตาและการมองเห็น โดยเฉพาะการมองเห็นในตอนกลางคืน อีกทั้งเบต้าแคโรทีนในมะละกอยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ จึงช่วยเสริมพลังในการบำรุงสายตาของเราได้อีก
- บรรเทาอาการเลือดออกตามไรฟัน
วิตามินซีมีส่วนสำคัญในการป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และในมะละกอเองก็มีวิตามินซีอยู่ไม่น้อยนะคะ รวมไปถึงวิตามินอื่น ๆ อีกมากมาย
- บำรุงเลือด บำรุงน้ำนม
สารอาหารในมะละกอมีส่วนช่วยบำรุงเลือด และช่วยขับน้ำนมให้คุณแม่หลังคลอด อีกทั้งการกินมะละกอสุกยังช่วยผ่อนคลายระบบประสาทของคุณแม่ด้วยนะคะ ส่งผลให้การหลั่งน้ำนมเป็นไปอย่างไหลลื่นมากขึ้น
มะละกอมีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีน ซึ่งสารอาหารที่มีประโยชน์เหล่านี้จะช่วยเสริมภูมิคุมกันของร่างกาย ช่วยให้เราไม่ป่วยได้ง่าย ๆ
- ช่วยลดการอักเสบ
เมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานมากขึ้น อาการอักเสบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายก็จะลดน้อยลง ที่สำคัญในมะละกอยังมีเอนไซม์ปาเปน เอนไซม์ที่มีฤทธิ์ลดอาการอักเสบที่เกิดจากการปวด บวม แดง ที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อได้
ทั้งนี้ปาเปนจะพบได้มากในมะละกอดิบ แต่ถ้าจะกินมะละกอดิบเพื่อรักษาอาการอักเสบเฉียบพลันอาจจะเป็นไปไม่ได้ ทว่าหากกินมะละกอสุกเป็นประจำก็จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงขึ้นได้นะคะ
- ช่วยย่อยอาหาร
เอนไซม์ปาเปนในมะละกอที่มีสรรพคุณในการย่อยเนื้อก็มีส่วนช่วยย่อยอาหารในกระเพาะอาหารได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าจะกินมะละกอดิบจากเมนูส้มตำ หรือกินมะละกอสุกก็ได้รับเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารได้เหมือนกันเลย
- แก้ท้องผูก
มะละกอมีไฟเบอร์สูง และมีน้ำย่อยธรรมชาติที่สามารถกำจัดคราบโปรตีนเก่า ๆ ที่ร่างกายย่อยไม่หมดออกไป ช่วยกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางการขับถ่ายของลำไส้ รวมทั้งพาเอาปัญหาท้องผูกออกไปจากตัวเราด้วย ที่สำคัญคือ ยังมีสารเพกตินที่เป็นสารช่วยเคลือบกระเพาะและลำไส้ ช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร พร้อมกับสรรพคุณที่ช่วยให้กากอาหารมีมากขึ้นจนไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวถ่ายออกมา เมื่อถ่ายง่าย ถ่ายคล่อง ก็จะช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ด้วยล่ะ
- มีเบต้าแคโรทีนช่วยต้านมะเร็ง
สารต้านอนุมูลอิสระอย่างเบต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติช่วยป้องกันเซลล์ร้ายเกิดขึ้นกับร่างกาย จึงถือว่ามะละกอเป็นผลไม้ช่วยต้านมะเร็งอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจมากพอสมควรเลยค่ะ
- 15 ผลไม้ต้านมะเร็ง โรคร้ายที่ผลไม้เอาอยู่
- ประโยชน์ของมะละกอต่อผิวก็ดี
นอกจากกินอร่อยแล้ว มะละกอสุกยังนำมาทำเป็นสูตรพอกผิวพรรณเพื่อความกระจ่างใส ด้วยเพราะมะละกอมีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซี วิตามินอีในตัวเอง จึงเป็นสูตรบำรุงผิวพรรณจากธรรมชาติที่ดีอีกสูตรหนึ่ง สาว ๆ คนไหนอยากบำรุงผิวหน้าด้วยมะละกอ ลองมาดูสูตรพอกหน้ากันเลย
- พอกหน้าลดรอยสิว ลดจุดด่างดำด้วย 5 วิธีทำให้หน้าใสแบบธรรมชาติ
- ช่วยลดน้ำหนัก
คุณสมบัติช่วยย่อยอาหารที่มะละกอมีจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้ดียิ่งขึ้น การดูดซึมสารอาหารก็จะมีประสิทธิภาพขึ้น รวมไปถึงการขับถ่ายของเสียก็คล่องตัวขึ้นด้วย ดังนั้นคนที่ลดน้ำหนักอยู่จะกินมะละกอเพื่อช่วยเสริมให้การลดความอ้วนเป็นไปด้วยดีขึ้นก็ได้นะ
- ผลไม้ลดน้ำหนัก 13 ตัวช่วย อยากหุ่นสวยกระชับห้ามพลาด
มะละกอแคลอรีไม่มากนะคะ ขนาดชิ้นพอดีคำประมาณ 7 ชิ้นให้พลังงานเพียง 60
กิโลแคลอรีเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าไม่มากไม่น้อยจนเกินไปนัก
ทว่าก็อยากแนะนำให้กินมะละกอวันละ 1 ส่วนหรือวันละ 6-7 ชิ้นพอดีคำก็พอ
โดยเฉพาะคนที่มักจะถ่ายคล่อง ถ่ายเหลวบ่อยก็ควรจำกัดปริมาณการรับประทาน
เนื่องจากมะละกอสุกมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ นั่นเองค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังไม่ควรกินผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ตัวเหลือง จากที่จะได้ประโยชน์ก็อาจได้รับโทษต่อร่างกายเทน
กินมะละกออย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ศ.(วุฒิคุณ) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ประธานคณะกรรมการสาธารณสุข นายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ได้เผยเคล็ดลับกินมะละกอให้ได้ประโยชน์สูงสุดมาว่า ควรเลือกมะละกอที่มีลักษณะแก่จัดแต่ไม่สุกจัด กล่าวคือให้เลือกมะละกอสีเหลืองอมเขียว เนื้อเรียบ ขั้วยังดูสด ไม่แห้ง และเลือกมะละกอที่มีน้ำหนักมาก เพราะจะเป็นมะละกอที่คงคุณค่าทางสารอาหารไว้เยอะ เนื้อเยอะ และแน่นกว่า
นอกจากนี้การหั่นมะละกอควรเลือกหั่นแค่เพียงส่วนที่จะกิน อย่าปอกทั้งลูก เพราะหากกินไม่หมดคุณค่าทางสารอาหารมะละกอก็จะลดน้อยลงไปด้วย ที่สำคัญให้ล้างมะละกอก่อนหั่นและปอกเปลือก และเมื่อปอกเปลือกมะละกอแล้วไม่จำเป็นต้องนำมาล้างน้ำซ้ำอีก เพราะจะทำให้รสชาติมะละกอเพี้ยนไป จืด ไม่อร่อย
ทั้งนี้หากใครอยากลองรสชาติการกินมะละกอแบบใหม่ ๆ ศ.(วุฒิคุณ) ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ยังแนะนำให้บีบมะนาวลงในเนื้อมะละกอเล็กน้อยเพื่อเพิ่มวิตามินซี ซึ่งก็จะได้รสชาติเปรี้ยว ๆ อมหวานและกลิ่นหอมของมะนาวและมะละกอไปด้วย อร่อยไปอีกแบบหนึ่งเลยล่ะ
เมนูจากมะละกอ ทำอะไรได้บ้าง
ประโยชน์ของมะละกอมากมายอย่างนี้ หลายคนก็อยากจะกินมะละกอทุกวัน แต่ครั้นจะกินมะละกอสุกเป็นประจำก็คงน่าเบื่อเกินไป งั้นมาดูกันค่ะว่ามะละกอดิบทำอะไรได้บ้าง แล้วมะละกอสุกสามารถนำไปทำเมนูอะไรได้อีก
- น้ำมะละกอ เครื่องดื่มสุขภาพช่วยขับถ่าย
- แยมมะละกอโฮมเมด วิธีทำแยมกินเอง จับของเหลือมาทำของดี
- แกงเหลืองมะละกอกุ้ง อาหารปักษ์ใต้รสจัดจ้าน
- 10 เมนูส้มตำดัดแปลงพร้อมสูตรอร่อยแซ่บโดนใจสายแนว
- น้ำมะละกอสมูทตี้ เครื่องดื่มสุขภาพหวานเย็นแก้ท้องผูก
มะละกอเป็นผลไม้ที่มีแทบจะทุกฤดูกาล ราคาไม่แพง และหาซื้อไม่ยาก ที่สำคัญประโยชน์ของมะละกอรอบด้านขนาดนี้ ลองหามาปลูกไว้ที่บ้านสักต้นกันไหมล่ะ
***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองโภชนาการ กรมอนามัย
รายการนารีกระจ่าง
สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
soเชี่ยว FAKE or FACT
คนสู้โรค