
มะเดื่อฝรั่ง ผลไม้เพื่อสุขภาพที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ใครกำลังมองหาผลไม้เพื่อสุขภาพชนิดแปลก ๆ มาลองอยู่ ถ้าพลาดมะเดื่อฝรั่งไปก็น่าเสียดายมาก ๆ เลย
มะเดื่อฝรั่ง รู้จักหรือยัง ?
มะเดื่อฝรั่ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Common fig มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Ficus carica L. เป็นพืชสกุลเดียวกับต้นโพธิ์ ต้นไทร หรือมะเดื่อไทย (Ficus) และอยู่ในวงศ์เดียวกับมัลเบอร์รีหรือต้นหม่อน มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันตกและประเทศในแถบลุ่มแม่น้ำเมดิเตอร์เรเนียนของยุโรปและแอฟริกาเหนือ แต่ในปัจจุบันมะเดื่อฝรั่งมีการปลูกกันอย่างกว้างขวาง โดยในประเทศไทยก็มีมูลนิธิโครงการหลวงที่ได้ทำการวิจัยมะเดื่อฝรั่งมากกว่า 20 ปี ทั้งนี้ก็เพื่อจะนำมะเดื่อมาปลูกเป็นพืชที่สร้างรายได้ให้กับชาวไทยภูเขาทดแทนการปลูกฝิ่นแต่ดั้งเดิม

ต้นมะเดื่อฝรั่งหน้าตาเป็นยังไง
ลำต้นของมะเดื่อฝรั่งเป็นเนื้อไม้สีน้ำตาลอ่อนที่แยกหลุดออกได้ง่าย ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวขอบหยักลึก หนาและแข็ง แต่บางใบก็มีลักษณะตรง ไม่หยัก ทำให้ภายในต้นเดียวกันมีได้ทั้งใบแบบหยักและไม่หยัก สีของก้านใบจะมีสีเดียวกับสีของผลและตายอด ส่วนรูปทรงและขนาดของผลมะเดื่อมีหลายแบบขึ้นอยู่กับพันธุ์ เช่น ผลกลวงโบ๋ (hallow) ผลทรงกลม (globular) หรือผลทรงระฆังคล้ายผลสาลี่ฝรั่ง (pear-shaped) ส่วนมากเมล็ดภายในมีลักษณะแบน สีเหลืองถึงน้ำตาลอ่อน มีผนังผลชั้นใน (endocarp) ห่อหุ้มอยู่ เมล็ดจึงมีความแข็งเล็กน้อย ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของพืชชนิดนี้
ส่วนมะเดื่อไทยจะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เป็นใบเดี่ยวเช่นกันแต่ต่างจากมะเดื่อฝรั่งที่ลักษณะใบมะเดื่อไทยจะเป็นใบบาง ขอบตรง ไม่หยัก ผิวใบเกลี้ยงหรือมีขนเล็กน้อย และมีผลเป็นลักษณะรูปทรงกลมแป้นหรือรูปไข่ มีขนอยู่ทั่วทั้งผล ภายในผลมีเกสรเล็ก ๆ อยู่

ประโยชน์ของมะเดื่อฝรั่ง
1. ไฟเบอร์สูง
มะเดื่อฝรั่งมีประโยชน์อยู่ที่ไฟเบอร์สูง ดีต่อกระบวนการกำจัดของเสียในร่างกาย โดยในผลมะเดื่อสดจะมีเส้นใยอาหารอยู่ราว ๆ 1.2% ส่วนในผลมะเดื่อฝรั่งอบแห้งมีเส้นใยอาหารสูงถึง 5.6% เลยทีเดียว ฉะนั้นคนที่มีปัญหาท้องผูกหายห่วงได้เลย
2. คุณค่าทางโภชนาการสูง
มะเดื่อฝรั่งเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ธาตุเหล็ก แคลเซียม โพแตสเซียม โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ที่สำคัญมะเดื่อฝรั่งยังปราศจากไขมันและคอเลสเตอรอล นับได้ว่ามะเดื่อฝรั่งจัดอยู่ในกลุ่มผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงสุดใน 10 อันดับแรกของโลก

3. สร้างความสมดุลความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย
เกลือโพแตสเซียมในกรดอินทรีย์ของมะเดื่อฝรั่งช่วยสร้างสมดุลความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่เกิดความเป็นกรดมากจนเกินไป
4. มีน้ำตาลธรรมชาติมากถึง 83%
มะเดื่อฝรั่งมีน้ำตาลธรรมชาติในตัวเองสูง ได้แก่ น้ำตาลกลูโคส 50% น้ำตาลฟรุกโตส 35% และน้ำตาลซูโครส 10%

มะเดื่อฝรั่ง สรรพคุณทางยามีอะไรบ้าง
ได้ทราบกันไปแล้วว่า มะเดื่อฝรั่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากจริง ๆ โดยเฉพาะสรรพคุณที่ช่วยกำจัดของเสียในร่างกายและช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ดี ฉะนั้นถ้าจะบอกว่า มะเดื่อฝรั่งป้องกันโรคนิ่วได้ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งลำไส้ ที่สำคัญมีสารป้องกันการเกิดมะเร็งคงไม่น่าแปลกใจเลยใช่ไหมล่ะ

มะเดื่อฝรั่ง กินยังไง
มะเดื่อฝรั่งกว่า 90% จากผลผลิตทั้งหมดส่วนมากจะถูกนำไปแปรรูปเป็นมะเดื่อฝรั่งอบแห้ง แยมมะเดื่อฝรั่ง น้ำมะเดื่อฝรั่ง แต่ก็มีบ้างที่นำผลมะเดื่อฝรั่งสด ๆ มากิน ทว่าภายหลังการเก็บเกี่ยวจากต้นสด ๆ ต้องคัดเลือกลูกมะเดื่อฝรั่งที่มีคุณภาพ บรรจุลงภาชนะอย่างระมัดระวัง และเก็บไว้ในที่ที่มีความเย็นก่อนถึงตลาดหรือผู้บริโภค

การปลูกมะเดื่อฝรั่ง
การปลูกมะเดื่อฝรั่งในประเทศไทยจะนิยมปลูกมะเดื่อฝรั่งสายพันธุ์ญี่ปุ่น เพราะเป็นพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพอากาศในบ้านเรา โดยการขยายพันธุ์มะเดื่อฝรั่งจะใช้วิธีการตอนกิ่ง รอจนรากขึ้นเต็มแล้วจึงย้ายลงกระถางขนาดประมาณ 5 นิ้ว ผสมกาบมะพร้าว 1 ส่วน ขุยมะพร้าว 2 ส่วน ให้เข้ากันแล้วลงกิ่งตอนปลูกในกระถาง จากนั้นรดน้ำพอชุ่มทุกวันและหมั่นดูว่ารากขึ้นเต็มกระถางแล้วหรือยัง ถ้ารากขึ้นเต็มแล้วให้ย้ายกิ่งตอนมะเดื่อฝรั่งมาปลูกลงในบ่อปูนขนาด 80 เซนติเมตร โดยผสมกาบมะพร้าว 1 กระสอบ ขุยมะพร้าวครึ่งกระสอบ และมูลวัว 1 ส่วน ผสมให้เข้ากันเพื่อเป็นวัสดุสำหรับการปลูกมะเดื่อฝรั่ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
เกษตรกรไทย