หมอเจด เปิด 5 โรคความเสี่ยงจากฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่โรคเล็ก ๆ ยันโรคใหญ่ถึงมะเร็งปอด ฝุ่นนี้อันตรายกว่าที่คิดจริง ๆ
ภาพจาก Keyframe\'s / Shutterstock.com
ช่วงนี้สถานการณ์ค่า PM2.5 ค่อนข้างหนัก และมีค่าฝุ่นสูงมาก หลายบ้านจำเป็นต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ เพื่อลดความระคายเคืองทางจมูก ทางตา ป้องกันไม่ให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาในอนาคต
วันที่ 24 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก หมอเจด ของ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา มีการสรุป 5 โรคความเสี่ยง อันตรายที่เกิดขึ้นจากฝุ่น PM2.5 ดังนี้
เนื่องจาก ฝุ่น PM2.5 ที่เป็นฝุ่นละอองเล็ก ๆ สามารถทำให้ตาระคายเคืองเยื่อบุตาได้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบตามมา ดวงตาแดง ติดเชื้อ ซึ่งวิธีป้องกันง่าย ๆ คือ เลี่ยงการขยี้ตา, สวมแว่นกันแดด ป้องกันฝุ่นเข้าตา, ล้างหน้าหรือใช้น้ำเกลือล้างตา เป็นต้น
ฝุ่น PM2.5 อันตรายกับปอดพอ ๆ กับบุหรี่ เพราะฝุ่นสามารถเข้าไปในถุงลมปอดส่วนลึกได้ พอนาน ๆ ไปถุงลมปอดจะขยายผิดปกติจนปอดทำงานได้ไม่ดี ซึ่งอาการที่น่าสงสัยคือ หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย ไอเรื้อรัง มีเสมหะเยอะ ริมฝีปากหรือนิ้วเริ่มคล้ำ เพราะออกซิเจนไปเลี้ยงไม่พอ
ฝุ่น PM2.5 ยังสามารถเข้าไปในกระแสเลือดและส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตในสมอง ทำให้เกิดการอักเสบ นำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองหรือโรคสมองเสื่อมได้ อาการที่ควรสังเกตคือ ปวดหัวเรื้อรัง มึนงงบ่อย ความจำแย่ แขนขาอ่อนแรง ตามองไม่ชัด พูดไม่เป็นภาษา
นอกจากปอดแล้ว PM2.5 ยังส่งผลกระทบต่อหัวใจด้วย จากการเข้าไปในกระแสเลือด แล้วกระตุ้นให้เส้นเลือดอักเสบและแข็งตัวเร็ว จนเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง สัญญาณอันตรายคือ เจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ หัวใจเต้นผิดปกติ เวียนหัวหน้ามืดบ่อย
เป็นโรคที่น่ากลัวที่สุดจากกรณีที่กล่าวมา เพราะสารเคมีในฝุ่น PM2.5 ยังทำลายเซลล์ปอดและเพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งได้
ภาพจาก Keyframe\'s / Shutterstock.com
ช่วงนี้สถานการณ์ค่า PM2.5 ค่อนข้างหนัก และมีค่าฝุ่นสูงมาก หลายบ้านจำเป็นต้องใช้เครื่องฟอกอากาศ เพื่อลดความระคายเคืองทางจมูก ทางตา ป้องกันไม่ให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาในอนาคต
วันที่ 24 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก หมอเจด ของ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา มีการสรุป 5 โรคความเสี่ยง อันตรายที่เกิดขึ้นจากฝุ่น PM2.5 ดังนี้
1. เยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis)
เนื่องจาก ฝุ่น PM2.5 ที่เป็นฝุ่นละอองเล็ก ๆ สามารถทำให้ตาระคายเคืองเยื่อบุตาได้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบตามมา ดวงตาแดง ติดเชื้อ ซึ่งวิธีป้องกันง่าย ๆ คือ เลี่ยงการขยี้ตา, สวมแว่นกันแดด ป้องกันฝุ่นเข้าตา, ล้างหน้าหรือใช้น้ำเกลือล้างตา เป็นต้น
2. ถุงลมโป่งพอง (Emphysema)
ฝุ่น PM2.5 อันตรายกับปอดพอ ๆ กับบุหรี่ เพราะฝุ่นสามารถเข้าไปในถุงลมปอดส่วนลึกได้ พอนาน ๆ ไปถุงลมปอดจะขยายผิดปกติจนปอดทำงานได้ไม่ดี ซึ่งอาการที่น่าสงสัยคือ หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย ไอเรื้อรัง มีเสมหะเยอะ ริมฝีปากหรือนิ้วเริ่มคล้ำ เพราะออกซิเจนไปเลี้ยงไม่พอ
3. โรคหลอดเลือดสมอง และสมองเสื่อม
ฝุ่น PM2.5 ยังสามารถเข้าไปในกระแสเลือดและส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตในสมอง ทำให้เกิดการอักเสบ นำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองหรือโรคสมองเสื่อมได้ อาการที่ควรสังเกตคือ ปวดหัวเรื้อรัง มึนงงบ่อย ความจำแย่ แขนขาอ่อนแรง ตามองไม่ชัด พูดไม่เป็นภาษา
4. โรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากปอดแล้ว PM2.5 ยังส่งผลกระทบต่อหัวใจด้วย จากการเข้าไปในกระแสเลือด แล้วกระตุ้นให้เส้นเลือดอักเสบและแข็งตัวเร็ว จนเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง สัญญาณอันตรายคือ เจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ หัวใจเต้นผิดปกติ เวียนหัวหน้ามืดบ่อย
5. โรคมะเร็งปอด
เป็นโรคที่น่ากลัวที่สุดจากกรณีที่กล่าวมา เพราะสารเคมีในฝุ่น PM2.5 ยังทำลายเซลล์ปอดและเพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งได้