เทคโนโลยีซินโดรม โรคในกลุ่มออฟฟิศซินโดรมที่กำลังคุกคามชาวไซเบอร์ยุคใหม่ ผู้ชื่นชอบการเสพติดเทคโนโลยี ว่าแต่...คุณเองก็กำลังป่วยด้วยหรือเปล่านะ?
สมัยนี้กลายเป็นยุคที่คนใช้ "ดวงตา" จ้องหน้าจอ ใช้ "มือ" ถือแท็บเล็ต และใช้ "นิ้ว" จิ้มและลากสมาร์ทโฟน มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนก้มทำพฤติกรรมแบบนี้ไปหมด ไม่ว่าจะกำลังนั่งรอรถเมล์ กำลังนั่งทานอาหาร ขับรถ เดินอยู่ข้างถนน เลยไม่แปลกใจที่เราจะได้ยินคนใกล้ตัว หรือแม้แต่ตัวเองบ่นว่า รู้สึกเคืองตา ปวดตา เจ็บมือ เจ็บนิ้วอยู่บ่อย ๆ อาการเหล่านี้เป็นภัยสุขภาพแบบใหม่ที่เรียกว่า "เทคโนโลยีซินโดรม" และกำลังคุกคามชาวไซเบอร์อยู่อย่างเงียบ ๆ
1. ดวงตามีปัญหา
ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บตา ดวงตาล้า ต่ช้ำ ตาแดง แสบตา ก็สามารถเกิดขึ้นได้ หากใช้คอมพิวเตอร์ หรือจ้องจอนานเกิน 25 นาทีขึ้นไป รวมทั้งการวางหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ได้ระดับที่เหมาะสมกับสายตา หรือปรับความสว่างหน้าจอไม่เหมาะสม หากดวงตาตรึงอยู่กับหน้าจอแบบนี้เป็นเวลานาน จะเกิดอาการเกร็ง มีผลกระทบต่อระบบของการกรอกตา และยังทำให้ระบบกล้ามเนื้อและประสาทผิดปกติด้วย
2. มีอาการทางกล้ามเนื้อกระดูก
ถ้าใครเป็นคนที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ แล้วยังนั่งไม่ถูกท่า ต้องก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ทุกวัน สุดท้ายแล้วอาการปวดคอ ปวดบ่า ปวดหลัง ปวดเอว ปวดนิ้วมือ ตามมาอย่างแน่นอน
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ลองไม่ได้หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็กเฟซบุ๊กสัก 10 นาที ก็รู้สึกกระวนกระวายแล้ว หรือโพสต์ภาพไปเมื่อกี้ก็ว้าวุ่นใจอยากรู้ว่าจะมีใครมากดไลค์หรือยังนะ หรือแม้เพียงเข้าอินเทอร์เน็ตไม่ได้เพียงแค่ไม่กี่นาทีก็รู้สึกหงุดหงิดสุด ๆ จนกลายเป็นความเครียด แบบนี้เข้าข่ายเป็นคนติดเทคโนโลยีแล้ว เพราะไม่สามารถควบคุมตัวเองให้อยู่ห่างจากโลกไซเบอร์ได้เลย
ภาพประกอบจาก NICOLAS ASFOURI/AFP
แล้วจะรักษาโรคเทคโนโลยีซินโดรมได้อย่างไรล่ะ?...เรื่องนี้ นพ.ฐาปนวงศ์ บอกว่า ที่ไต้หวันเคยวิจัยพบว่า "การนอน" คือวิธีการรักษาโรคเทคโนโลยีซินโดรมได้ดีที่สุด เพราะจะทำให้เราไม่หมกมุ่นกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไป ดังนั้น จึงควรนอนไม่ต่ำกว่าวันละ 7 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังอาจใช้การ "ประคบเย็น" ช่วยให้ผ่อนคลายได้
วิธีการประคบเย็นก็คือ นำผ้าไปแช่ในตู้เย็น หรือชุบในน้ำเย็น วางทาบบนศีรษะจากขมับซ้ายมาขมับขวา โดยไม่ต้องกด ขยี้ หรือคลึง แล้วทาบผ้าทับหน้าผาก ตา และจมูก วางจนกว่าผ้าจะหมด จากนั้น ให้นำผ้ามาชุบน้ำเย็นต่อ ทำติดต่อกันประมาณ 20 นาที วันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้อาการดีขึ้น และวิธีนี้ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์บ่อย ๆ
ส่วนใครที่มีอาการติดเทคโนโลยีแบบว่าอยู่ห่างแทบไม่ได้เลย คุณหมอ ก็แนะนำให้หากิจกรรมอื่นทำบ้าง เช่น อ่านหนังสือ ออกไปเที่ยว ไปออกกำลังกาย อย่าเอาแต่จ้องหน้าจออย่างเดียว และถ้าไม่อยากปวดตาก็พยายามพักสายตาประมาณ 1-5 นาที หลังจากเล่นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนทุก ๆ 25-30 นาที เพื่อให้สายตาไม่อ่อนล้าจนเกินไป
โรคที่เกิดจากการทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ เดิม ๆ แบบนี้ บทจะป่วยก็มาเร็วติดจรวดอย่างที่คาดไม่ถึงเลยล่ะ เอาเป็นว่าใครที่เริ่มเข้าข่ายจะเป็นเหยื่อของโรคเทคโนโลยีซินโดรม ก็พยายามลดละการใช้เทคโนโลยีลงหน่อยดีกว่านะ เลิกจ้องหน้าจอชั่วครู่ แล้วไปหากิจกรรมสนุก ๆ ทำบ้างดีกว่าเนอะ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก